คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขอยื่นคำให้การเพิ่มเติมซ้ำกับข้อต่อสู้เดิมคำให้การที่ขอเพิ่มเติมจึงไม่เป็นคำให้การที่ยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้าง ข้อเถียง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 179(3)
คำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การที่ไม่เป็นสาระแก่คดีศาลไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมก็ได้

ย่อยาว

คดีนี้ นายประโพธิ เปาโรหิตย์ โดยนายสดับ มาศกุล ผู้รับมอบอำนาจฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและให้รื้อขนย้ายโรงเรือนออกจากที่ดินของโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า โจทก์ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแล้ว

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่านายสดับ มาศกุล ไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์จำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์โดยโจทก์ให้จำเลยสร้างเขื่อนและซื้อดินมาถม แล้วโจทก์จะนำสัญญาเช่าไปจดทะเบียนการเช่ามีกำหนด 20 ปี จำเลยไม่เคยผิดนัดค้างชำระค่าเช่า โจทก์ไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่า จำเลยเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ขอให้ศาลบังคับโจทก์ให้จดทะเบียนการเช่าตามสัญญา หรือมิฉะนั้นก็ให้โจทก์คืนเงิน 100,000 บาท แก่จำเลย

โจทก์ให้การปฏิเสธฟ้องแย้งของจำเลย

ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถาน และกำหนดให้จำเลยนำสืบก่อนทุกประเด็น และได้ไปตรวจสถานที่พิพาทตามคำร้องของคู่ความในวันนั้นหลังจากนั้นศาลได้เลื่อนการสืบพยานจำเลยไปรวม 5 ครั้ง ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ได้มีการชี้สองสถานแล้ว คำร้องของจำเลยยื่นภายหลังและไม่มีเหตุอันควรตามกฎหมาย ให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยซ้ำกับข้อต่อสู้เดิม มิได้มีข้อความเพิ่มเติมข้อต่อสู้ใหม่ ประเด็นที่ว่าจำเลยเช่าที่ดินโจทก์หรือไม่ รับกันแล้ว จะต่อสู้เพิ่มเติมว่าไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสืออีกไม่ได้ ข้อเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้างหรือข้อเถียงเพื่อหักล้างข้อหา ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คำให้การเพิ่มเติมของจำเลยซ้ำกับข้อต่อสู้เดิม คำให้การที่ขอเพิ่มเติมจึงไม่เป็นคำให้การที่ยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้าง ข้อเถียง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(3)ส่วนคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การข้ออื่นเป็นข้อต่อสู้ที่ไม่มีสาระแก่คดี และไม่เป็นเหตุทำให้คำวินิจฉัยของศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share