แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน คำว่า “คดีแพ่ง” ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 หมายถึงคดีแพ่งทั่วไปไม่เฉพาะแต่คดีตามประมวลรัษฎากรเท่านั้น หนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 ระบุว่ากู้เงินกันจำนวน 32,072 บาท เมื่อปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วน ใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้เท่ากับว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือมาแสดงต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653วรรคแรก จึงฟ้องร้องบังคับคดีจำเลยทั้งสองไม่ได้ แม้จำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ในคำให้การว่า หนังสือสัญญากู้ยืมเงินปิดอากรแสตมป์ไม่บริบูรณ์ก็ตาม แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5),246
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองผู้กู้ร่วมกันชำระเงิน56,126 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 32,072 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่เคยทำสัญญากู้และรับเงินกู้ไปจากโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 56,126 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 32,072 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า หนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่ปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วน ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้หรือไม่ศาลฎีกาต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนโดยศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 ระบุว่ากู้เงินกันจำนวน32,072 บาท แต่ปิดอากรแสตมป์เพียง 16 บาท ซึ่งตามประมวลรัษฎากรต้องปิดอากรแสตมป์ 17 บาท ขาดไป 1 บาท เห็นว่า ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 บัญญัติว่า “ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับคู่ฉบับ คู่ฉีกหรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้”ดังนั้น เมื่อหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 ไม่ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนจึงใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ เท่ากับว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือมาแสดงต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคแรก จึงฟ้องร้องบังคับคดีจำเลยทั้งสองไม่ได้ คำว่า “คดีแพ่ง” ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 หมายถึงคดีแพ่งทั่วไปไม่เฉพาะแต่คดีตามประมวลรัษฎากรเท่านั้น ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าหนังสือสัญญากู้ยืมเงินปิดอากรแสตมป์ไม่บริบูรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่ควรรับวินิจฉัยให้ เห็นว่า แม้จำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การถึงเรื่องดังกล่าวไว้ในคำให้การแต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5),246 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน