แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ช.ฟ้องจำเลยว่าสร้างรั้วรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่ารั้วที่จำเลยสร้างรุกล้ำ ลำราง สาธารณประโยชน์ระหว่างที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายอำเภอมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนรั้วออกจากลำรางสาธารณประโยชน์ดังกล่าว ดังนี้ มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจว่าตนมิได้สร้างรั้วรุกล้ำ ลำรางสาธารณประโยชน์ดังที่ถูกกล่าวหาทั้งจำเลยได้ให้ทนายความ มีหนังสือชี้แจงเหตุผลต่อนายอำเภอทันทีที่ทราบคำสั่งถือได้ว่าจำเลย ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอำเภอโดยมีเหตุและข้อแก้ตัวอันสมควรจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่เป็นลำรางสาธารณะที่ตื้นเขินและเป็นทางสาธารณประโยชน์เพื่อยึดถือครอบครองเอาเป็นประโยชน์ของตนโดยไม่มีสิทธิครอบครองและไม่ได้รับอนุญาต และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนายอำเภอซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ดูแลรักษาทางสาธารณประโยชน์ดังกล่าวโดยไม่ยอมรื้อรั้วที่จำเลยกั้นออกจากลำรางสาธารณประโยชน์ โดยไม่มีข้อแก้ตัวอันสมควร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 368 และให้จำเลย ผู้แทน และบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าว
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9, 108 ทวิ จำคุก 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 ปรับ 300 บาท เรียงกระทงลงโทษรวมจำคุก 6 เดือน ปรับ 3,300 บาทไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลย ผู้แทนและบริวารออกจากที่ดินส่วนที่รุกล้ำ รอการลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 เป็นเวลา 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทำรั้วสังกะสีรุกล้ำเข้าไปในลำรางสาธารณประโยชน์อันเป็นการเข้าไปยึดถือและครอบครองลำรางสาธารณประโยชน์ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยสร้างรั้วรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 ต่อมานายใช่อู๋ พยานโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสร้างรั้วรุกล้ำสาธารณประโยชน์ดังกล่าว ทำให้ปิดกั้นทางเดิน และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย จำเลยให้การว่าไม่ได้รุกล้ำลำรางสาธารณะ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่ารั้วที่จำเลยสร้างนั้นรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์ ระหว่างที่คดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายอำเภอกระทุ่มแบนมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนรั้วออกจากลำรางสาธารณประโยชน์ดังกล่าว จำเลยไม่ปฏิบัติตาม แต่ได้ให้ทนายความมีหนังสือชี้แจงต่อนายอำเภอ ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีมีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจว่าตนมิได้สร้างรั้วรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์ดังที่ถูกกล่าวหาทั้งเมื่อได้ทราบคำสั่งของนายอำเภอแล้ว จำเลยก็มิได้นิ่งเฉย แต่ได้ให้ทนายความมีหนังสือชี้แจงเหตุผลต่อนายอำเภอมีทันที จึงถือได้ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอำเภอโดยมีเหตุและข้อแก้ตัวอันสมควร จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์