แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเมาสุราขนาดหนักต้องการแสดงอิทธิพลด้วยสันดานอันธพาลไม่รู้ว่าผู้เสียหายกับพวกเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจำเลยยิงปืนใส่ผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงมีเจตนาเพียงพยายามฆ่าผู้เสียหายในฐานะบุคคลธรรมดาไม่ใช่เจ้าพนักงาน
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เพียงกระทงเดียวโจทก์มิได้อุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวายการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตจำคุก6เดือนและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวายปรับ100บาทอีก2กระทงด้วยย่อมไม่ได้เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยโดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา212
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจมีอาวุธปืนพกขนาด .38 ใช้ยิงได้ ไม่มีเครื่องหมายของนายทะเบียนประทับไว้ และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน4 นัด ซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และเมื่อพลตำรวจทองคำ พันธ์แก้วทอง กับพวกอีกหลายคนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครสวรรค์มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน พบจำเลยเมาสุราครองสติไม่ได้ประพฤติตนวุ่นวายอยู่ที่สำนักค้าประเวณี ตรอกกระท้อน ซึ่งเป็นสาธารณสถานได้เข้าจับกุมจำเลยเพื่อนำส่งพนักงานสอบสวนเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่ยอมให้จับกุมได้ต่อสู้ขัดขวาง ใช้อาวุธปืนที่จำเลยมีอยู่ยิงพลตำรวจทองคำ พันธ์แก้วทอง กับพวกหลายนัด โดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เพราะพลตำรวจทองคำ พันธ์แก้วทอง กับพวกได้หลบเสียทันท่วงที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,801, 138, 140, 378, 32, 33, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 32 ;(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 และริบอาวุธปืน ปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบด้วยมาตรา 80, 138, 140, 378 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ; (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 และให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 80กระทงหนักที่สุดกระทงเดียว ตามมาตรา 91 จำคุกตลอดชีวิต ริบอาวุธปืนปลอกกระสุนปืน หัวกระสุนปืนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าพลตำรวจทองคำ พันธ์แก้วทองในฐานะเป็นบุคคลธรรมดา หาใช่เจ้าพนักงานไม่ นอกจากนั้นจำเลยยังมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนไว้ในความครอบครอง กับข้อหาฐานเสพสุราเป็นเหตุให้เมา ประพฤติวุ่นวาย ครองสติไม่ได้ในที่สาธารณสถานด้วย พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี ผิดตามมาตรา 378ปรับ 100 บาท ผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ; (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2517 มาตรา 3 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 10 ปี 6 เดือน และปรับ100 บาท ข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้พิพากษาวางบทและวางโทษจำเลยตามมาตรา 289,80, 138, 140 ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประเด็นเดียวว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงพลตำรวจทองคำ พันธ์แก้วทอง โดยรู้ว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อต่อสู้ขัดขวางการจับกุมหรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยยิงปืนใส่ผู้เสียหายในคืนเกิดเหตุจากความคึกคะนอง ด้วยความมึนเมาสุราขนาดหนักต้องการแสดงอิทธิพลด้วยสันดานอันธพาล ไม่รู้ว่าผู้เสียหายกับพวกเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยเพียงเจตนาพยายามฆ่าพลตำรวจทองคำ พันธ์แก้วทอง ผู้เสียหายในฐานะบุคคลธรรมดา ไม่ใช่เจ้าพนักงาน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ชอบแล้ว แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เพียงกระทงเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวาย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก 10 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน และฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวาย ปรับ 100 บาท นั้น เห็นว่าในความผิดฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวายนั้น ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยโดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า โทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดในความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตและฐานเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติตนวุ่นวายนั้น ให้ยกเสีย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์