แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าได้ฝากเงินจำเลยไว้ แต่นำสืบว่าโจทก์ได้ฝากเงินให้จำเลยไปฝากธนาคารนั้น เป็นเรื่องการแตกต่างกันเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น ข้อใหญ่ใจความของคดีคงอยู่ที่ว่า โจทก์ได้อ้างว่าเงินของโจทก์อยู่ที่จำเลย และขอให้จำเลยส่งคืนซึ่งข้อนี้จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่เคยได้รับฝากเงินจากโจทก์ไว้เลยในวันที่โจทก์อ้างตามฟ้องนั้น จำเลยก็ไม่ได้รับเงินไว้จากโจทก์ ฉะนั้น หากทางพิจารณาคดีฟังได้ว่าจำเลยได้รับเงินของโจทก์ไว้ ศาลก็ชอบที่จะบังคับตามคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยคืนเงินให้แก่โจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2512 โจทก์ได้ฝากเงิน 24,600 บาท ไว้กับจำเลย โดยมิได้ทำหนังสือไว้เป็นหลักฐาน โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบด้วยว่าโจทก์จะต้องเรียกเงินคืนภายใน 6 เดือน จำเลยได้รับฝากไว้โดยไม่เรียกร้องค่าบำเหน็จหรือค่ารักษาแต่อย่างใด เมื่อครบกำหนด 6 เดือนแล้ว โจทก์ทวงถาม จำเลยผัดผ่อน ครบกำหนดที่ผัดผ่อนแล้วจำเลยก็ไม่นำเงินมาคืนและไม่ยอมทำหนังสือไว้เป็นหลักฐาน ทนายโจทก์ได้ทวงถามไปยังจำเลย จำเลยไม่ยอมรับหนังสือทวงถาม โจทก์เสียหาย จำเลยต้องชดใช้ให้โดยเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี เป็นเงิน 3,796.15 บาท ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงิน28,396.15 บาทให้โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยรับฝากเงินจากโจทก์ ในวันที่ 10 ตุลาคม2512 จำเลยรับราชการที่กรมไปรษณีย์โทรเลข โจทก์คิดไม่สุจริตยักยอกเงินที่เรี่ยไรมาได้แล้วโยนบาปมาให้จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 24,600 บาทให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าได้ฝากเงินจำเลยไว้แต่นำสืบว่าโจทก์ได้ฝากเงินให้จำเลยไปฝากธนาคาร ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้ยกขึ้นเป็นข้อตำหนิคดีของโจทก์นั้น เป็นเรื่องการแตกต่างกันเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ข้อใหญ่ใจความของคดีคงอยู่ที่ว่า โจทก์ได้อ้างว่าเงินของโจทก์อยู่ที่จำเลยและขอให้จำเลยส่งคืน ซึ่งข้อนี้จำเลยได้ให้การต่อสู้แต่เพียงว่า จำเลยไม่เคยได้รับฝากเงินจากโจทก์ไว้เลย ในวันที่โจทก์อ้างตามฟ้องนั้นจำเลยก็ไม่ได้รับเงินไว้จากโจทก์ ฉะนั้นถ้าหากทางพิจารณาคดีฟังได้ว่าจำเลยได้รับเงินของโจทก์ไว้ และเงินจำนวนนั้นยังอยู่ที่จำเลยศาลก็ชอบที่จะบังคับตามคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยคืนเงินให้แก่โจทก์ได้
ส่วนข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์ได้มอบเงินให้แก่จำเลยไปจริงหรือไม่นั้นศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วเชื่อว่าจำเลยได้รับเงินไปจากโจทก์จำนวนที่ฟ้องจริง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น