คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อที่ดินแล้วฟ้องขับไล่จำเลยฯ ต่อสู้ว่าได้ปกครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปีแล้ว ดังนี้ถ้าโจทก์ไม่ยกกรณีตาม ป.ม.แพ่ง ฯ ม.1299 ขึ้นว่ากล่าวโจทก์ก็ย่อมแพ้คดีและประเด็นข้อนี้โจทก์ต้องนำสืบก่อน
โจทก์จำเลยแถลงกันในรายงานพิจารณาในเรื่องประเด็นนำสืบ ภายหลังโจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากนายหรี่และได้ทำการโอนไปไต่สวนต่อเจ้าพนักงานถูกต้องแล้ว จำเลยไม่ยอมออกจากที่พิพาท จึงขอให้ขับไล่จำเลย จำเลยให้การว่าจำเลยได้ซื้อที่จากนายหรี่และได้ครอบครองมา ๑๐ ปีกว่าแล้ว
ในวันพิจารณาคู่ความแถลงรับกันในรายงานพิจารณาว่าจำเลยจะสิบว่าจำเลยครอบครองที่รายพิพาทจนได้สิทธิครอบครองแล้ว โจทก์ซื้อที่พิพาทโดยไม่สุจริต ไม่เสียค่าตอบแทน ทั้งโจทก์ได้รู้ถึงสิทธิครอบครองของจำเลยอยู่ก่อนนี้แล้ว ฝ่ายโจทก์จะสืบว่า โจทก์ได้สิทธิในที่พิพาทโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว ข้อที่ว่าโจทก์รู้ถึงสิทธิครอบครองของจำเลยอยู่ก่อนซื้อกัน โจทก์ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น,ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า การโอนที่พิพาทระหว่างนายหรี่กับโจทก์ไม่สุจริต พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า ที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงมานั้นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะจำเลยต่อสู้โดยอาศัยสิทธิครอบครองทางเดียว จึงไม่มีประเด็นที่จะสืบว่า การโอนระหว่างนายหรี่กับโจทก์นั้นสุจริตหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยให้การว่าได้ครอบครองที่พิพากษาโดยสงบและเปิดเผยโดยเจตนาเปิดเผยเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว และโจทก์มิได้คัดค้าน จำเลยก็ย่อมได้กรรมสิทธิตาม ป.ม.แพ่ง ฯ ม.๑๓๘๒ ถ้าโจทก์ประสงค์จะมิให้จำเลยยกสิทธิที่จำเลยได้มานั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ ๆ ก็มีหน้าที่ต้องนำสืบว่าโจทก์ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว กรณีนี้ไม่ใช่จำเลยแก้คำให้การหรือยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ และโจทก์จำเลยได้แถลงไว้แล้วว่า โจทก์จำเลยจะสืบพะยานตามประเด็นในคดี โจทก์จะปฏิเสธคัดค้านความยินยอมของคนในภายหลัง เมื่อเห็นว่าการนำสืบที่สืบไปแล้วจะเสียเปรียบนั้นไม่ชอบ พิพากษายืนให้ยกฟ้อง

Share