แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรกศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 3 ปีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยเรียกผู้เสียหายไปบ้านจำเลยขณะภรรยาของจำเลยไม่อยู่บ้านและจำเลยกอดผู้เสียหายในขณะที่นั่งดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลยการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปบ้านของตนขณะไม่มีคนอยู่บ้านและกระทำการแสดงออกที่ไม่สมควรทางเพศเช่นนั้น เป็นการบ่งชี้เจตนาให้เห็นตั้งแต่มาเรียกผู้เสียหายไปจากบ้านของผู้เสียหายเพื่อไปบ้านจำเลยซึ่งอยู่ห่างไกล แสดงให้เห็นว่ามีจุดมุ่งหมายที่จะพาไปเพื่อการไม่สมควรทางเพศ แม้ว่าขณะพาไปมารดาของผู้เสียหายไปทำงานไม่ได้อยู่บ้านก็ตามต้องถือว่าผู้เสียหายอยู่ในความปกครองดูแลของมารดา การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารนั้นเป็นการแยกผู้เยาว์ไปจากอำนาจปกครองของมารดาโดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317 วรรคสาม จำเลยเป็นครูมีหน้าที่ที่จะต้องสร้างเยาวชนให้เป็นคนดีมีความสามารถและเป็นอาชีพที่บุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือแต่จำเลยกลับกระทำการอันเป็นเรื่องบัดสีต่อนักเรียนที่จะต้องให้การอบรมโดยอาศัยความเกรงกลัวและความเคารพนับถือที่นักเรียนมีต่อครูมาเป็นโอกาสกระทำการจนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในวัยที่ต้องเจริญเติบโตต้องมาเสียอนาคตไปกับการกระทำของจำเลย จึงไม่มีเหตุใด ๆที่จะให้ความปรานีแก่จำเลยได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 277,279, 317 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 3, 9 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 9 กระทงหนึ่ง จำคุก 5 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 3 กระทงหนึ่ง จำคุก 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคแรก แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 3อีก 11 กระทง จำคุกกระทงละ 7 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทง คงจำคุกจำเลย50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับความผิดฐานอนาจาร ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 3 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารหรือไม่ และมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้มาเรียกผู้เสียหายไปที่บ้านจำเลยโดยที่บ้านจำเลยไม่มีภริยาอยู่ และจำเลยได้กอดผู้เสียหายในขณะที่นั่งดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลย และวินิจฉัยว่า การที่จำเลยมาพาผู้เสียหายไปที่บ้านของตนขณะที่ไม่มีคนอยู่และกระทำการแสดงออกที่ไม่สมควรทางเพศ เช่นนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการบ่งชี้เจตนาให้เห็นตั้งแต่มาเรียกผู้เสียหายไปจากบ้านของผู้เสียหาย เพื่อไปที่บ้านจำเลยซึ่งอยู่ห่างไกลกับบ้านของผู้เสียหาย แสดงให้เห็นว่ามีจุดมุ่งหมายที่จะพาผู้เสียหายไปเพื่อการไม่สมควรทางเพศ จึงถือว่าจำเลยพาพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร ถึงแม้ว่าในขณะที่จำเลยมาพาผู้เสียหายไปนั้น มารดาของผู้เสียหายไม่ได้อยู่บ้านโดยไปทำงานก็ตามแต่ก็ต้องถือว่าผู้เสียหายอยู่ในความปกครองดูแลของมารดา การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารนั้นเป็นการแยกผู้เยาว์ไปจากอำนาจปกครองของมารดาโดยไม่มีเหตุอันสมควร จึงเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสามส่วนความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายตามฟ้องจริง และที่จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าได้พิจารณาถึงพฤติการณ์ในการกระทำของจำเลย ซึ่งมีหน้าที่เป็นครู อันเป็นหน้าที่ที่จะต้องสร้างเยาวชนให้เป็นคนดีมีความสามารถและเป็นอาชีพที่บุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือ แต่จำเลยกลับกระทำการอันเป็นเรื่องบัดสีต่อนักเรียนที่จะต้องให้การอบรมโดยอาศัยความเกรงกลัวและความเคารพนับถือที่นักเรียนมีต่อครู มาเป็นโอกาสกระทำการจนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในวัยที่ต้องเจริญเติบโตต้องมาเสียอนาคตไปกับการกระทำของจำเลย จึงไม่มีเหตุใด ๆที่จะให้ความปรานีแก่จำเลยได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.