คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยพิพาทเกี่ยวกับสิทธิครอบครองในที่นา ราคา 1,000 บาท ของนายช้างเจ้ามรดกเดิมซึ่งเป็นสามีของโจทก์และบิดาของจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์และจำเลยได้ทำนาพิพาทร่วมกันมาในฐานะเป็นเจ้าของรวม โจทก์จึงมีสิทธิครอบครองในนาพิพาทครึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองนาพิพาทมาแต่ฝ่ายเดียว จำเลยมิได้เข้ามาเกี่ยวข้องในนาพิพาทภายหลังนายช้างบิดาตายแล้ว พิพากษาแก้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในนาพิพาท ให้จำเลยและบริวารออกจากนาพิพาท ในกรณีเช่นนี้ไม่ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/2515)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่นามือเปล่า 1 แปลงราคา 1,000 บาท ตำบลละเอาะ อำเภอกันทรารมณ์ จังหวัดศรีสะเกษโดยทางพินัยกรรมของนายช้างสามีซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้ว และโจทก์ได้ครอบครองตลอดมา จำเลยซึ่งเป็นหลานโจทก์ได้มาอาศัยทำนาในที่ดินของโจทก์ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีมาแล้ว ต่อมาได้แย่งครอบครองที่นาและทำความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่นาเป็นของโจทก์ ขับไล่จำเลยและบริวาร ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นข้าวเปลือกปีละ 150 ถัง ราคา 1,500 บาท จนกว่าจำเลยจะออกจากนาของโจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า นายช้างซึ่งเป็นสามีโจทก์และเป็นบิดาของจำเลยที่ 2 ซึ่งเกิดจากนางสุขภริยาเดิม มีนาอยู่ 2 แปลงไม่เคยทำพินัยกรรมยกให้แก่ผู้ใด จำเลยที่ 2 ได้จำเลยที่ 1 เป็นสามีเมื่อ 18 ปีมาแล้ว และอยู่ร่วมเรือนเดียวกับโจทก์ โดยผลัดเปลี่ยนกันทำนาซึ่งยังมิได้แบ่งปันกัน เมื่อ 6 ปีมาแล้ว บรรดาญาติพี่น้องได้ตกลงแบ่งนากัน โดยจำเลยได้นาพิพาทแปลงนี้และได้ครอบครองทำกินตลอดมา ส่วนโจทก์ได้ที่แปลงอื่น

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยได้ทำนาพิพาทร่วมกันมาในฐานะเป็นเจ้าของรวม โจทก์จึงมีส่วนในที่นาพิพาทนี้ครึ่งหนึ่งพิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่ง ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นข้าวเปลือกปีละ 25 ถัง จำเลยเป็นเจ้าของรวมในนาพิพาท จึงไม่พิพากษาขับไล่

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองนาพิพาทแต่ผู้เดียวพิพากษาแก้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในนาพิพาท ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากนาพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นข้าวเปลือกปีละ 50 ถัง หรือเป็นเงินปีละ 500 บาท ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 จนกว่าจะออกจากนาพิพาท

จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ครอบครองนาพิพาทร่วมกับโจทก์ตลอดมา

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาโดยเห็นว่า แม้คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าพันบาท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมาก จึงฎีกาข้อเท็จจริงได้

ปัญหาว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยหรือไม่ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยได้ทำนาพิพาทมาร่วมกัน จึงมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมกันคนละครึ่ง โจทก์จึงมีสิทธิในนาพิพาทครึ่งหนึ่งแต่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองนาพิพาทแต่ผู้เดียวจำเลยไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับนาพิพาทหลังจากนายช้างตายแล้วและพิพากษาแก้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในนาพิพาท ให้จำเลยและบริวารออกจากนาพิพาท ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์มิได้เพียงแต่พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย จำเลยจึงฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยได้ทำนาพิพาทมาด้วยกันโดยร่วมกันครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของร่วมกันมา โจทก์จึงมีสิทธิในนาพิพาทเพียงครึ่งเดียวและเห็นด้วยกับค่าเสียหายตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share