แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนโจทก์นำสืบได้ว่ามีสิทธิในที่นั้นตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 แม้โจทก์จะได้ยกที่พิพาทให้แก่บุตร เมื่อ 4 ปีมาแล้ว แต่การให้ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่พิพาทก็ยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้กระทำการบุกรุกได้
คดีก่อนบุตรโจทก์ฟ้องจำเลยส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีเดียวกันไม่ใช่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนโจทก์มิได้เป็นคู่ความกับจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกทำลายคันนาและตัดฟันต้นจากสาคูเสียหายขอให้ขับไล่จำเลยและให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะข้อกฎหมายที่ว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ตั้งใจยกให้นายจวนบุตรครอบครองมา 4 ปีแล้วแม้การให้จะไม่ ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม นายจวนเป็นผู้ทรงสิทธิครอบครองแทนโจทก์แล้ว ขณะเดียวกันโจทก์ผู้ถือกรรมสิทธิ์จะคลุมเอาสิทธิครอบครองของนายจวนในที่พิพาทแปลงเดียวกัน 2 คนไม่ได้และคดีนี้เป็นเรื่องฟ้องซ้ำ กับคดีก่อนที่นายจวนได้ฟ้องจำเลยศาลได้พิพากษาไปแล้ว
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวน โจทก์ได้ครอบครองมานานถึง 40 ปีแล้วโจทก์ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาท ศาลฎีกาจึงเห็นว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนของโจทก์ ซึ่งโจทก์มีสิทธิในที่นั้นตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 จึงยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้กระทำการบุกรุกได้ และเห็นว่ามิใช่เป็นการฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนโจทก์มิได้เป็นคู่ความกับจำเลย
พิพากษายืน