แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.การค้าข้าวหาได้บัญญัติควบคุมฉะเพาะผู้ค้าข้าวเท่านั้นไม่  แต่เป็นการควมคุมตลอดถึงกิจการต่าง ๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการค้าข้าวนั้นด้วย.
จำเลยเป็นกสิกร  มีข้าวเปลือก  ซึ่งจำเลยทำจากนาของจำเลยเอง  แต่จำเลยไปให้ถ้อยคำเท็จในการแจ้งปริมาณ  จำเลยย่อมมีผิดตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว
มีข้าวเปลือกไว้ในความครอบครอง 4 เกวียนหลวง  แต่แจ้งปริมาณเพียง 1 เกวียนหลวงกับ 50 ถัง ดังนี้  ข้าว 4 เกวียนหลวงของกลางอันเกี่ยวเนื่องกับความผิด  ต้องริบ.
ย่อยาว
คดีนี้  โจทก์ฟ้อง  จำเลยรับสารภาพ  ได้ความว่าจำเลยเป็นกสิกรมีข้าวเปลือก ๔ เกวียนหลวงไว้ในความครอบครอง  อันเป็นข้าวที่จำเลยทำได้จากนาของจำเลยเอง   จำเลยได้ให้ถ้อยคำเท็จในการแจ้งปริมาณว่าจำเลยมีข้าวเปลือกอยู่ในความครอบครองเพียง ๑ เกวียนหลวงกับ ๕๐ ถัง  โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ  ศาลชั้นต้นเห็นว่า  พ.ร.บ.การค้าข้าวมุ่งหมายความคุมฉะเพาะผู้ค้าข้าวเท่านั้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ  ว่าจำเลยมีผิดตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว  ๒๔๘๙  มาตรา ๔,๕,๗,๘,๒๐,   พ.ร.บ.การค้าข้าว(ฉะบับที่ ๒)  ๒๔๘๙  ลดฐานรับสารภาพแล้วคงปรับจำเลย ๘๐ บาท ข้าวของกลางริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าพ.ร.บ.การค้าข้าวบัญญัติควบคุมตลอดถึงกิจการต่าง ๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการค้าข้าว  จำเลยมีผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน.

