คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5625/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรายนี้ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ซื้อและชำระเงินค่าซื้อทรัพย์แล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือถึงศาลชั้นต้น ขอให้แจ้งเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนระงับการจำนองแล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2535 ในวันเดียวกันศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินให้ดำเนินการตามหนังสือของเจ้าพนักงานบังคับคดี และเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนระงับการจำนองพร้อมกับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์เรียบร้อยเมื่อวันที่11 พฤษภาคม 2535 แต่เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำเงินที่ได้จากขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ก่อนจำเลยยื่นคำร้องคัดค้าน ดังนั้นขณะที่จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดจึงยังถือไม่ได้ว่าการบังคับคดีได้เสร็จลงแล้ว และเมื่อจำเลยทราบว่าการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2535 จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านเมื่อวันที่21 พฤษภาคม 2535 ยังอยู่ในระยะเวลาแปดวัน จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์แถลงว่า ไม่สามารถสืบหาที่อยู่ของจำเลยในสำเนาทะเบียนบ้านตามที่ จำเลยให้ไว้แก่โจทก์ จึงขออนุญาตศาลส่งโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ซึ่งศาลอนุญาตและในการนัดสืบพยานโจทก์ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน จำเลยก็ไม่ได้คัดค้าน ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยทราบด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 แล้ว ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามไม่ให้โจทก์หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโจทก์ ทำการซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด และเมื่อราคาทรัพย์ที่ผู้ซื้อทรัพย์ซื้อได้สูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินพอสมควร ทั้งไม่ปรากฏว่าการบังคับคดีไม่สุจริตอย่างไร การขายทอดตลาดจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและบังคับจำนอง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,735,429.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ16.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,602,427.06 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 130772 ออกขายทอดตลาดชำระหนี้ ถ้าไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดชำระจนครบ จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงขอหมายบังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยแล้วประกาศขายทอดตลาดเพื่อนำเงินที่ขายได้มาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 21 เมษายน 2535เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดโดยนางสาวมยุรี นพอุบลเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้ในราคา 2,550,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอว่า เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2535เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 130772 พร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยไม่แจ้งให้จำเลยทราบและขายในราคาต่ำกว่าราคาประเมินของกรมที่ดินและราคาซื้อขายในท้องตลาดผู้ซื้อทรัพย์เป็นญาติกับโจทก์ในอีกคดีหนึ่งและผู้เข้าสู้ราคาก็เป็นพวกเดียวกันจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านวา เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายโดยชอบแล้ว ขอให้ยกคำร้องขอของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการขายทอดตลาดทรัพย์ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรายนี้ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ซื้อได้และชำระเงินค่าซื้อทรัพย์แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือถึงศาลชั้นต้นขอให้แจ้งเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนระงับการจำนองแล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2535ในวันเดียวกันศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินให้ดำเนินการตามหนังสือของเจ้าพนักงานบังคับคดี และเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนระงับการจำนองพร้อมกันโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์เรียบร้อยเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม2535 เห็นว่า ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวนว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ก่อนจำเลยยื่นคำร้องคัดค้าน ดังนั้นขณะที่จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดยังถือไม่ได้ว่าการบังคับคดีได้เสร็จลง และเมื่อจำเลยทราบว่าการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2535 จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านเมื่อวันที่21 พฤษภาคม 2535 ยังอยู่ในระยะเวลาแปดวัน จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การขายทอดตลาดชอบหรือไม่จำเลยฎีกาว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยทราบด้วยวิธีการประกาศหนังสือพิมพ์เป็นการไม่ชอบและจำเลยไม่ทราบนั้น เห็นว่า ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโจทก์แถลงว่าไม่สามารถสืบหาที่อยู่ของจำเลยในสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 72/3 สุขุมวิท 63 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ตามที่ให้ไว้กับโจทก์ จึงขออนุญาตศาลส่งโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ ซึ่งศาลอนุญาตและในการนัดสืบพยานโจทก์ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน จำเลยก็ไม่ได้คัดค้าน ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยทราบด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 แล้ว
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ผู้ซื้อทรัพย์ได้เป็นบุตรโจทก์นั้นเห็นว่าไม่มีบทกฎหมายใดห้ามไม่ให้โจทก์หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโจทก์ทำการซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด และราคาทรัพย์ที่ผู้ซื้อทรัพย์ซื้อได้ก็สูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินพอสมควร และไม่ปรากฏว่าการบังคับคดีไม่สุจริตอย่างไรการขายทอดตลาดจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share