คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินบำเหน็จในการขายสินค้าก็ดี เงินบำเหน็จในผลกำไรของร้านค้าก็ดี ซึ่งนายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นรายปีนั้น คือ “สินจ้างชนิดอื่นเพื่อการงานที่ทำ” ตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(8), สิทธิเรียกร้องเหล่านี้จะต้องฟ้องร้องเสียภายในกำหนดอายุความ 2 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเคยแต่งตั้งนายเอ็ม.อาร์.เซเนล เป็นผู้ช่วยผู้จัดการและเป็นผู้จัดการฝ่ายสินค้าเข้า นายเซเนลในฐานะตัวแทนจำเลยได้จ้างโจทก์ทำงานในตำแหน่งเสมียนตั้งแต่ ๑ กันยายน ๒๔๙๓ โจทก์ลาออกจากงานเมื่อสิ้นกรกฎาคม ๒๔๙๕ ตลอดปี ๒๔๙๔ โจทก์มีสิทธิตามข้อตกลงที่จะได้รับบำเหน็จในการขายเวชภัณฑ์เป็นเงิน ๒๓,๘๒๑.๒๓ บาท ค่าบำเหน็จจากผลกำไรเท่ากับเงินเดือน ๒ เดือนเป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท และในต้นปี ๒๔๙๕ โจทก์มีสิทธิได้รับบำเหน็จค่าขายเวชภัณฑ์อีก ๑,๒๖๔.๐๗ บาท จึงขอให้จำเลยใช้เงินที่จำเลยยังมิได้จ่ายรวม ๒๘,๐๘๕.๓๐ บาท
จำเลยต่อสู้หลายประการและตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อต่อสู้ประการอื่นของจำเลยฟังไม่ขึ้น เว้นแต่
๑. ค่าบำเหน็จในการขายเวชภัณฑ์ปี ๒๔๙๔เป็นเงินที่ จะต้องจ่ายเมื่อสิ้นปี ๒๔๙๔โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อ ๓๐ ก.ค. ๒๔๙๗ คดีจึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๕ ข้อ ๙ ประกอบด้วย มาตรา ๑๖๙
๒. เงินค่าบำเหน็จผลกำไรปี ๒๔๙๔ นั้นไม่มีข้อความปรากฎในเอกสารที่โจทก์ว่าเป็นเช่นนั้น จึงเรียกร้องไม่ได้
พิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ เฉพาะค่าบำเหน็จปี ๒๔๙๕ จำนวน ๑,๒๖๔.๐๗ บาท ซึ่งเป็นความจริงและคดียังไม่ขาดอายุความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยศาลชั้นต้นเว้นแต่เรื่องอายุความนั้น พิพากษาเป็นขาดอายุความตาม มาตรา ๑๖๕(๘)
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ค่าบำเหน็จการขายเวชภัณฑ์ที่โจทก์เรียกร้องในปี ๒๔๙๔ นั้นเป็นสินจ้างชนิดอื่นเพื่อการงานที่ผู้รับจ้างได้กระทำ ตรงตามความหมายแห่ง ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๕(๘) ไม่มีทางจะปรับบทกับ มาตรา ๑๖๖ ได้ สิทธิฟ้องร้องของโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว สำหรับเงินบำเหน็จผลกำไรเท่ากับเงินเดือน ๒ เดือนนั้นก็เห็นว่าเป็นสินจ้างชนิดอื่นเพื่อการงานที่ผู้รับจ้างได้กระทำเช่นเดียวกัน สิทธิเรียกร้องข้อนี้จึงขาดอายุความไปเหมือนกัน ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share