แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ประกอบการผลิตสุราจำหน่ายแก่ประชาชนเป็นปกติธุระถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบศิลป อุตสาหกรรม ตาม ป.พ.พ.มาตรา 165(1) การที่โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชำระราคาค่าสุราที่โจทก์ผลิตขายให้จำเลยตามสัญญา เป็นการเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของให้จำเลย สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี ตามมาตรา 165.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาเช่าโรงงานสุราจากจำเลย เพื่อให้ใช้สิทธิในการผลิตและจำหน่ายสุรา มีกำหนด 20 ปี ตั้งแต่วันที่1 มกราคม 2503 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2522 โดยมีข้อกำหนดว่า ในวันสิ้นสุดการเช่า โจทก์ต้องจัดสุราขาวจำนวน 70,000 เท สุราปรุงพิเศษแม่โขง จำนวน 1,000,000 ขวด และสุราปรุงพิเศษกวางทอง จำนวน 2,000,000 ขวาด เหลืออยู่ในโรงงานเพื่อโอนขายให้จำเลยในราคาทุนในวันสิ้นสุดสัญญาเช่า โจทก์ได้จัดสุราตามจำนวนดังกล่าวส่งมอบให้จำเลยรับไปครบถ้วนแล้ว คิดเป็นเงิน74,094,977 บาท 67 สตางค์ ซึ่งจำเลยได้นำไปโอนขายแก่ผู้เช่ารายใหม่ และรับเงินค่าสุราแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมชำระค่าสุราแก่โจทก์ โดยอ้างสิทธิหักกลบลบหนี้กับเงินส่วนแบ่งกำไรสุทธิที่ยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ จำเลยต้องรับผิดใช้เงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13 ต่อปี ซึ่งโจทก์ขาดประโยชน์ รวมเป็นเงิน102,543,399 บาท 9 สตางค์ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยใช้เงิน102,543,399 บาท 9 สตางค์ พร้อมค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า กรรมสิทธิ์ในสุราคงเหลือในวันสิ้นสุดสัญญาเช่าตกเป็นของจำเลยตามสัญญาเช่าโจทก์ต้องแบ่งกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีตามประมวลรัษฏากรแก่จำเลยทุกรอบระยะเวลาบัญชีอัตราร้อยละ 25 ตลอดเวลาเช่า โดยต้องชำระภายใน 30 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นอนุมัติบัญชีงบดุล แต่ไม่เกิน 120 วันนับแต่วันสิ้นสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี หากผิดนัดโจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 9 ต่อปี ปรากฏว่าโจทก์ผิดนัดไม่ชำระค่าส่วนแบ่งกำไรให้ครบถ้วนแก่จำเลย รวมเป็นเงิน 83,824,540 บาท 91 สตางค์จำเลยจึงเอาเงินค่าขายสุราจำนวน 74,094,977 บาท 67 สตางค์มาหักกลบลบหนี้ คงเหลือเงินส่วนแบ่งที่โจทก์ค้างชำระจำเลยอยู่อีก9,729,563 บาท 24 สตางค์ โจทก์ไม่มีอนำาจฟ้อง ทั้งคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในเบื้องแรกศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาที่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ตามคำแก้ฎีกาของจำเลย จำเลยยกเรื่องนี้ขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ และศาลชั้นต้นกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาท ข้อ 4 แต่ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ และเมื่อโจทก์อุทธรณ์ จำเลยได้แก่อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยเช่นเดียวกัน ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ประกอบการผลิตสุราจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นปกติธุระ ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบศิลปอุตสาหกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(1) การที่โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชำระราคาค่าสุราที่โจทก์ผลิตขายให้จำเลยตามสัญญา เป็นการเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของให้จำเลย สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 โจทก์บรรยายฟ้องยืนยันว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าสุราตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2523 อันเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ได้ โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระราคาค่าสุราเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2526 ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินกว่า 2 ปีแล้ว สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความโจทก์ หมดสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ค่าสุราที่โจทก์ขายให้จำเลย
เมื่อโจทก์หมดสิทธิฟ้องบังคับจำเลยแล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.