คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การเช่าทรัพย์อยู่ในบังคับแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะเช่าทรัพย์ หากจะอ้างความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษ ก็ต้องยกขึ้นต่อสู้คดี เพราะตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 บัญญัติให้จำเลยแสดงโดยแจ้งชัดในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือบางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น กรณีจำเลยฟ้องขอให้โจทก์เลิกใช้ทรัพย์ของจำเลยตามสัญญาเช่า โจทก์มีสิทธิได้รับความคุ้มครองที่จะมิให้ต้องเลิกใช้ทรัพย์ที่เช่าตาม พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 โจทก์ต้องยกขึ้นแสดงรวมทั้งเหตุผล เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างสิทธิหรือความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษจนศาลวินิจฉัยคดีไป และคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะยกกฎหมายพิเศษขึ้นกล่าวอ้างในชั้นบังคับคดีหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ทั้งห้าและบริวารรื้อถอนบ้านเรือนขนย้ายสัมภาระออกไปจากที่ดินจำเลยและให้โจทก์ที่ 3 และที่ 5 ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี โจทก์ที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 ยื่นคำร้องอ้างว่าโจทก์ที่ 3 ที่ 5 มีสิทธิเช่านา จำเลยยังไม่ได้บอกเลิกการเช่าตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 และพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ทั้งบ้านเรือนโจทก์ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และโจทก์ที่ 1 ที่ 4 ไม่ใช่บริวารของโจทก์ที่ 3 ที่ 5 ขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าฝ่ายโจทก์เป็นผู้ทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทจากจำเลย เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าจำเลยได้บอกเลิกการเช่าโดยชอบด้วยกฎหมาย สัญญาเช่าที่ดินพิพาทย่อมสิ้นสุดลงโจทก์หยิบยกเอาพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 ซึ่งไม่เป็นประเด็นข้อพิพาทมาก่อนขึ้นต่อสู้ในชั้นนี้ จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น เป็นเรื่องไร้สาระที่ศาลไม่พึงรับวินิจฉัย โจทก์และบริวารจำต้องรื้อถอนบ้านเรือนขนย้ายสัมภาระออกไปจากที่ดินพิพาท
โจทก์ที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย ‘ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ศาลพิพากษาให้โจทก์ทั้งห้าและบริวารรื้อถอนบ้านเรือนขนย้ายสัมภาระออกจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 11, 41ตำบลกรับใหญ่ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี คดีถึงที่สุดโจทก์ทั้งห้าไม่ปฏิบัติตาม จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีโจทก์ทั้งห้ามีประเด็นมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 จะขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดีโดยอ้างว่าโจทก์ที่ 3 และที่ 5 ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 และพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ได้หรือไม่เห็นว่า การเช่าทรัพย์โดยปกติย่อมอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะเช่าทรัพย์ หากโจทก์ที่ 3 และที่ 5 จะอ้างความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษอย่างใดก็ต้องยกขึ้นต่อสู้คดี เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177บัญญัติว่า ให้จำเลยแสดงโดยแจ้งชัดในคำให้การว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือบางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น คดีนี้จำเลยฟ้องขอให้โจทก์ที่ 3 และที่ 5เลิกใช้ทรัพย์ของจำเลยตามสัญญาเช่า โจทก์ที่ 3 และที่ 5 มีสิทธิหรือได้รับความคุ้มครองที่จะมิให้โจทก์ที่ 3 และที่ 5ต้องเลิกใช้ทรัพย์ที่เช่าอย่างใด โจทก์ที่ 3 และที่ 5 ต้องยกขึ้นแสดงรวมทั้งเหตุผล เมื่อโจทก์ที่ 3 และที่ 5 ไม่ได้อ้างสิทธิหรือความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษจนศาลวินิจฉัยคดีไป และคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ที่ 3 และที่ 5 จะมายกกฎหมายพิเศษขึ้นกล่าวอ้างในชั้นบังคับคดีอีกหาได้ไม่…’
พิพากษายืน.

Share