คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4151/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ส่งมอบสิ่งของที่ขายให้แก่จำเลยล่าช้าเกินกำหนดตามสัญญา โดยอ้างเหตุสุดวิสัยเนื่องจากบริษัทผู้ขายล้มละลาย เมื่อปรากฏว่าโจทก์สั่งซื้อสิ่งของไปยังบริษัทผู้ขายก่อนวันที่บริษัทผู้ขายล้มละลาย การที่บริษัทผู้ขายไม่ส่งสิ่งของมาให้โจทก์เป็นเพราะเหตุใด โจทก์ไม่ได้นำสืบแสดงให้ปรากฏ โจทก์จะมากล่าวอ้างว่าบริษัทผู้ขายได้ล้มละลายในภายหลังต้องรอให้บริษัทอื่นเข้ามาจัดกิจการแทนก่อน จึงไม่สามารถส่งมอบสิ่งของที่ขายให้แก่จำเลยภายในกำหนดตามสัญญาอันเป็นเหตุสุดวิสัยหาได้ไม่ เพราะบริษัทผู้ขายอาจมีสิ่งของตามสัญญาอยู่แล้ว สามารถส่งมอบให้แก่โจทก์ได้ก่อนที่จะล้มละลายแต่ไม่ส่งให้เองทั้งโจทก์มิได้นำสืบว่าสิ่งของเหล่านั้น โจทก์ไม่สามารถที่จะจัดหาจากผู้ขายรายอื่นได้ข้ออ้างของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายโดยโจทก์ตกลงขายเครื่องเฮลิคอปเตอร์ ๑ เครื่องพร้อมอุปกรณ์ในราคา ๖,๒๗๖,๗๕๐ บาทกำหนดส่งมอบแก่จำเลยภายในวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๗ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๒๗ โจทก์นำเครื่องเฮลิคอปเตอร์ไปส่งมอบให้แก่จำเลยโดยขาดอุปกรณ์เครื่องบางอย่างไป ๑๒ รายการต่อมาวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๒๗ โจทก์ได้ส่งอุปกรณ์ที่ขาดให้แก่จำเลยครบถ้วน เหตุที่ส่งล่าช้าเนื่องจากบริษัทที่ขายเครื่องเฮลิคอปเตอร์ให้โจทก์ถูกศาลสั่งให้ล้มละลายจึงเป็นเหตุสุดวิสัยและล่าช้าไปเพียง ๑ วัน เท่านั้น แต่จำเลยถือว่าการส่งมอบของถูกต้องถึงวันตรวจทดลองแล้วเสร็จ คือวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๒๗ จึงล่าช้าเป็นเวลา ๙๕ วัน และคิดหักเงินไว้เป็นค่าปรับ ๑,๑๙๒,๕๘๒.๕๐ บาท โดยคิดหักค่าปรับจากราคาสิ่งของทั้งหมดคือ ๖,๒๗๖,๗๕๐ บาท ซึ่งไม่ถูกต้อง การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย จึงขอคิดเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๒๗ ถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑๔,๙๐๗.๒๕ บาท ขอให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยถึงวันฟ้องจำนวน ๑,๒๐๗,๔๘๙.๗๕ บาทให้แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๑,๑๙๒,๕๘๒.๕๐ บาท นับจากวันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ทำสัญญาซื้อเครื่องเฮลิคอปเตอร์จากโจทก์ตามฟ้อง ที่โจทก์ส่งมอบเครื่องเฮลิคอปเตอร์ให้จำเลยเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๒๗ นั้น ปรากฏว่าอุปกรณ์ประกอบบางรายการขาดไปและบางรายการไม่ถูกต้องตามสัญญารวม ๑๒ รายการ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เป็นสาระสำคัญในการใช้เครื่องเฮลิคอปเตอร์อย่างปลอดภัยคณะกรรมการตรวจรับของจำเลยจึงยังไม่ยอมรับมอบเครื่องเฮลิคอปเตอร์ขอโจทก์ ครั้นเมื่อสัญญาครบกำหนดแล้ว โจทก์จึงได้ส่งมอบอุปกรณ์ที่ยังขาดและทำการแก้ไขติดตั้งอุปกรณ์ที่บกพร่องให้จำเลยแล้วเสร็จและร่วมกับจำเลยทำการตรวจสอบและทดลองบินเป็นที่เรียบร้อยถูกต้องเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๒๗ จำเลยจึงถือว่า โจทก์ส่งมอบเครื่องเฮลิคอปเตอร์ให้จำเลยล่าช้าไป ๙๕ วัน ไม่ใช่ ๑ วัน ดังข้ออ้างของโจทก์ ซึ่งตามสัญญาซื้อขายข้อ ๘ จำเลยมีสิทธิคิดค่าปรับจากโจทก์ตามสัญญาข้อ ๙ โดยปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ ๐.๒ ของราคาเครื่องเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดเป็นเวลา ๙๕ วันเป็นเงิน ๑,๑๙๒,๕๘๒.๕๐ บาท ซึ่งโจทก์ได้ยอมให้จำเลยปรับ และรับเงินส่วนที่เหลือจากจำเลยไปแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๒๖ โจทก์ได้ทำสัญญาขายเครื่องเฮลิคอปเตอร์ชนิดเครื่องยนต์ไอพ่นยี่ห้อฮิลเลอร์ ยูเอช-๑๒ อีที ผลิตโดยบริษัทฮิลเลอร์เอวิเอชั่น ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้แก่จำเลยจำนวน ๑ เครื่อง ราคา ๖,๒๗๖,๗๕๐ บาท กำหนดส่งมอบให้แก่จำเลย ณ ศูนย์ฝึกการบินพลเรือน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายในวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๗ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๒๗ โจทก์ได้ส่งมอบเครื่องเฮลิคอปเตอร์ให้แก่จำเลย แต่ยังขาดอุปกรณ์บางอย่าง และอุปกรณ์บางรายการไม่ตรงตามสัญญา รวม ๑๒ รายการโจทก์ส่งมอบอุปกรณ์ให้แก่จำเลยครบถ้วนและได้ติดตั้งแก้ไขดัดแปลงอุปกรณ์ต่าง ๆ เสร็จสิ้นในวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๒๗ หลังจากนั้นได้ร่วมกับคณะกรรมการตรวจรับของจำเลยตรวจสอบและทดลองบินตั้งแต่วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๗ ถึงวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๒๗ คณะกรรมการตรวจรับของจำเลยมีความเห็นให้รับเครื่องเฮลิคอปเตอร์ไว้ตามสัญญา และจำเลยได้รับเครื่องเฮลิคอปเตอร์ของโจทก์ไว้แล้วโดยไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา แต่ได้อาศัยสิทธิตามสัญญาซื้อขายข้อ ๙ ปรับโจทก์ฐานส่งมอบสิ่งของล่าช้าในอัตราร้อยละ ๐.๒ ของราคาเครื่องเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดเป็นรายวันรวม ๙๕ วัน เป็นเงิน ๑,๑๙๒,๔๘๒.๕๐ บาท และได้หักเงินจำนวนดังกล่าวของโจทก์ไว้แล้ว
พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาที่ว่าโจทก์มอบสิ่งของที่ขายให้แก่จำเลยล่าช้าเกินกำหนดตามสัญญาเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยหรือไม่ นายสมาน โสไกพยานโจทก์เบิกความว่า โจทก์ส่งมอบเครื่องเฮลิคอปเตอร์ให้จำเลยครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๒๗ คงขาดแต่อุปกรณ์จำนวน ๑๒ รายการโจทก์ได้มีหนังสือทวงถามไปยังบริษัทฮิลเลอร์ เอวิเอชั่น ซึ่งเป็นบริษัทผู้ขายให้แก่โจทก์ จึงทราบว่าบริษัทผู้ขายได้ล้มละลายแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๒๗ จากคำเบิกความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้สั่งซื้อเครื่องเฮลิคอปเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบถ้วนตามข้อ ๑ ของสัญญาซื้อขาย ไปยังบริษัทผู้ขายก่อนวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๒๗ และในขณะนั้นบริษัทผู้ขายยังไม่ได้ล้มละลาย การที่บริษัทผู้ขายไม่ส่งอุปกรณ์มาให้ครบถ้วนพร้อมกับเครื่องเฮลิคอปเตอร์ให้แก่โจทก์เป็นเพราะเหตุใด โจทก์ไม่ได้นำสืบแสดงให้ปรากฏ โจทก์จะมากล่าวอ้างลอย ๆ ว่าบริษัทผู้ขายได้ล้มละลายในภายหลัง เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๒๗ จึงต้องรอให้บริษัทอื่นเข้ามาจัดกิจการแทน เมื่อมีผู้เข้ามากิจการแทนแล้ว โจทก์จึงได้รับอุปกรณ์ที่ขาด อันเป็นเหตุสุดวิสัยทำให้โจทก์ไม่สามารถส่งมอบของที่ขายให้แก่จำเลยภายในกำหนดตามสัญญาหาได้ไม่ เพราะบริษัทผู้ขายอาจมีอุปกรณ์ที่ขาดและที่ถูกต้องตามสัญญาอยู่แล้ว สามารถที่จะส่งมอบให้แก่โจทก์ได้ก่อนที่จะล้มละลาย แต่ไม่ส่งให้เอง ทั้งโจทก์มิได้นำสืบว่าอุปกรณ์เหล่านั้น โจทก์ไม่สามารถที่จะจัดหาจากผู้ขายรายอื่นได้ฎีกาโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปด้วยว่า โจทก์ได้ส่งมอบสิ่งของที่ขายแก่จำเลยล่าช้าเกินกำหนดเป็นเวลา ๙๕ วัน ที่จำเลยใช้สิทธิปรับโจทก์เป็นรายวันเป็นเวลา ๙๕ วัน จึงถูกต้องและชอบด้วยข้อสัญญาแล้ว
พิพากษายืน.

Share