แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามข้อบังคับของผู้ร้องที่ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. สหกรณ์ พ.ศ. 2511มาตรา 14(5) กำหนดว่าเงินค่าหุ้นที่จำเลยซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ผู้ร้องได้ชำระให้แก่ผู้ร้องแล้วนั้น ถือว่าเป็นเงินทุนของผู้ร้องจำเลยจะถอนคืนได้ต่อเมื่อพ้นจากการเป็นสมาชิกผู้ร้องแล้ว ฉะนั้นหนี้ของผู้ร้องที่จะต้องคืนเงินค่าหุ้นให้จำเลยจึงมีเงื่อนไขผู้ร้องจำต้องคืนให้ต่อเมื่อจำเลยพ้นจากการเป็นสมาชิกของผู้ร้องแล้ว แม้ศาลอาจออกคำสั่งอายัดให้ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 311วรรคสอง แต่จะกำหนดในคำสั่งอายัดให้เป็นการฝ่าฝืนข้อจำกัดหรือเงื่อนไขแห่งหนี้นั้นหาได้ไม่ เพราะอาจมีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องนั้นได้ คำสั่งอายัดของศาลชั้นต้นที่กำหนดให้ผู้ร้องชำระหรือส่งมอบเงินค่าหุ้นของจำเลยแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน 15 วันนับแต่วันที่จำเลยพ้นจากการเป็นสมาชิกของผู้ร้องจึงสอดคล้องกับเงื่อนไขแห่งหนี้ที่ผู้ร้องจะต้องชำระแก่จำเลยและถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้ว.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงิน34,750 บาท แก่โจทก์ หากผิดนัดให้คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15ต่อปี จากเงินต้น 30,000 บาท นับแต่วันผิดนัด ต่อมาจำเลยไม่ชำระโจทก์ขอบังคับคดีโดยอายัดเงินค่าหุ้นของจำเลยที่มีอยู่ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูชัยภูมิ จำกัด ผู้ร้อง เลขทะเบียนที่ 10541 จำนวนเงิน37,500 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินค่าหุ้นดังกล่าวโดยห้ามมิให้ผู้ร้องชำระแก่จำเลย แต่ให้ชำระหรือส่งมอบแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับคำสั่ง และได้ออกหมายอายัดส่งไปให้ผู้ร้องและจำเลยทราบแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เงินค่าหุ้นที่อายัดเป็นเงินค่าหุ้นที่จำเลยชำระให้แก่ผู้ร้องแล้ว ถือเป็นเงินทุนดำเนินการของผู้ร้องหาใช่เป็นของจำเลยไม่ ทั้งนี้ตามข้อบังคับของผู้ร้อง ซึ่งตั้งขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511 มาตรา 14(5)และได้จดทะเบียนไว้แล้ว มีความข้อ 20 ระบุว่า “สหกรณ์อาจหาทุนโดยวิธีดังต่อไปนี้ 1. รับเงินค่าหุ้น…” และมีความข้อ 22 วรรคท้ายระบุว่า “สมาชิกจะขายหรือโอนหรือถอนคืนหุ้นในระหว่างที่ตนเป็นสมาชิกอยู่ไม่ได้” แสดงว่าจำเลยจะถอนคืนหุ้นได้ต่อเมื่อได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกของผู้ร้องแล้ว เมื่อจำเลยยังไม่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิก จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินค่าหุ้น ที่ศาลชั้นต้นออกหมายอายัดเงินค่าหุ้นดังกล่าวเป็นการกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องขอให้เพิกถอนหมายอายัด
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า เงินค่าหุ้นดังกล่าวมิใช่ของผู้ร้อง แต่เป็นของจำเลยผู้ร้องจะมีข้อกำหนดอย่างไรก็เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ไม่ผูกพันโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะไม่ยอมส่งเงินค่าหุ้น ขอให้ยกคำร้อง
ชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์แถลงรับข้อเท็จจริงตามคำร้องของผู้ร้องและรับว่าข้อบังคับของผู้ร้องมีข้อความตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย ร.1 ที่ผู้ร้องยื่นต่อศาล ผู้ร้องและโจทก์ต่างแถลงไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกหมายอายัดเดิมเสีย และให้ออกหมายอายัดใหม่โดยกำหนดให้ผู้ร้องต้องชำระค่าหุ้นของจำเลยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน 15 วัน นับแต่วันที่จำเลยพ้นจากการเป็นสมาชิกของผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีตามคำสั่งอายัดเดิมต่อไป
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่า คำสั่งอายัดที่ศาลชั้นต้นสั่งไว้เดิมกับที่ออกใหม่ คำสั่งใดเป็นคำสั่งที่ชอบผู้ร้องฎีกาว่า การบังคับตามคำสั่งอายัดที่ศาลชั้นต้นสั่งไว้เดิมเป็นการบังคับคดีที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกโดยกฎหมายมิได้ให้อำนาจไว้ ต้องบังคับตามคำสั่งอายัดที่ออกใหม่จึงจะชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องและคำแถลงรับของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาฟังได้ว่า เงินค่าหุ้นจำนวน 37,500 บาท ที่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเป็นสมาชิกของสหกรณ์ผู้ร้องได้ชำระแก่ผู้ร้องไปแล้วนั้น ถือว่าเป็นเงินทุนของผู้ร้อง และเงินดังกล่าว จำเลยจะถอนคืนในระหว่างที่ตนยังเป็นสมาชิกอยู่ไม่ได้ทั้งนี้เป็นไปตามข้อบังคับของผู้ร้องที่ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511 มาตรา 14(5) สิทธิของจำเลยที่จะถอนคืนเงินค่าหุ้นที่ชำระแล้วนั้นจึงมีเงื่อนไข กล่าวคือจะถอนคืนได้ต่อเมื่อจำเลยพ้นจากการเป็นสมาชิกของผู้ร้องแล้ว และทำนองเดียวกันหนี้ของผู้ร้องที่จะต้องคืนเงินค่าหุ้นให้จำเลยก็มีเงื่อนไข กล่าวคือจำต้องคืนให้ต่อเมื่อจำเลยพ้นจากการเป็นสมาชิกของผู้ร้องแล้วซึ่งในกรณีเช่นนี้ เพื่อป้องกันสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไว้มิให้เสียหาย ศาลอาจออกคำสั่งอายัดให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 311 วรรคสอง แต่จะกำหนดในคำสั่งอายัดให้เป็นการฝ่าฝืนข้อจำกัดหรือเงื่อนไขแห่งหนี้นั้นหาได้ไม่ เพราะอาจมีผลกระทบต่อสิทธิของลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้อง ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ ตามคำสั่งอายัดเดิมของศาลชั้นต้นดังปรากฏตามหมายอายัดที่กำหนดให้ผู้ร้องชำระหรือส่งมอบเงินค่าหุ้นของจำเลยแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน 15 วัน นับแต่วันรับหมายนั้น เป็นการบังคับผู้ร้องให้ต้องชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีโดยฝ่าฝืนเงื่อนไขแห่งหนี้ทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องได้รับความเสียหายจึงมิชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่กล่าวแล้ว ดังนั้น เมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกทราบคำสั่งอายัดแล้ว ยื่นคำร้องปฏิเสธหรือโต้แย้งหนี้และข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำร้องว่าหนี้ของผู้ร้องมีเงื่อนไข เช่นนี้ ศาลก็จำต้องออกคำสั่งอายัดเสียใหม่ โดยคำนึงถึงเงื่อนไขแห่งหนี้นั้นด้วย มิฉะนั้นจะทำให้การบังคับคดีตามคำขอของโจทก์มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกอันเป็นการผิดเจตนารมณ์ของบทกฎหมายที่กล่าวแล้ว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกหมายอายัดเดิมและออกคำสั่งอายัดใหม่โดยกำหนดให้ผู้ร้องชำระหรือส่งมอบเงินค่าหุ้นของจำเลยแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน 15 วัน นับแต่วันที่จำเลยพ้นจากการเป็นสมาชิกของผู้ร้อง จึงสอดคล้องกับเงื่อนไขแห่งหนี้ที่ผู้ร้องจะต้องชำระแก่จำเลย และถูกต้องตามเจตนารมณ์ของบทกฎหมายที่กล่าวข้างต้นแล้วชอบที่จะบังคับคดีไปตามคำสั่งอายัดที่ออกใหม่นี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีไปตามคำสั่งอายัดเดิมจึงหาชอบไม่ ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น…”
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีไปตามคำสั่งอายัดที่ออกใหม่.