คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5592/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยใช้ปืนอันเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงเข้าไปในบ้านผู้เสียหายในยามวิกาล ซึ่งวิญญูชนทั่วไปย่อมรู้ดีว่าต้องมีบุคคลหลับนอนหรือพักอาศัยอยู่ในบ้าน แม้กระสุนปืนที่จำเลยยิงเข้าไปในบ้านจะไม่ถูกผู้เสียหายหรือผู้ใดที่อยู่ในบ้าน แต่เมื่อตำแหน่งที่ถูกกระสุนปืนนัดหนึ่งห่างจากผู้เสียหายเพียง 1 เมตร อีกนัดหนึ่งถูกใต้ขอบหน้าต่างบ้าน ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีกหลายคนร่วมกันใช้อาวุธปืนพกยิงเข้าไปในบ้านผู้เสียหายทั้งสองหลายนัดโดยเจตนาฆ่า แต่กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหายทั้งสอง ผู้เสียหายทั้งสองจึงไม่ถึงแก่ความตาย ต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยได้และยึดกระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 2 นัด กับปลอกกระสุนปืนขนาด .45อีก 1 ปลอก ที่ใช้ในการกระทำผิดในที่เกิดเหตุเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 83, 288 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 83 ให้จำคุก 10 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากข้อเท็จจริงที่ฟังได้เบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุนายประหยัดผู้เสียหายกับพวกและจำเลยกับพวกได้เกิดวิวาทกันแล้วจำเลยได้นำพวกไปเพื่อทำร้ายนายประหยัดผู้เสียหายกับพวก ทั้ง ๆ ที่จำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเวลาวิกาล จำเลยบังอาจไล่ตามเข้าไปยิงนายประหยัดผู้เสียหายกับพวกถึงหน้าบ้าน และได้ยิงปืนเข้าไปในบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยโดยวิญญูชนทั่วไปย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าในขณะเกิดเหตุต้องมีบุคคลหลับนอนหรือพักอาศัยอยู่ในบ้าน การที่จำเลยใช้ปืนขนาด .45ยิงเข้าไปในบ้านผู้เสียหายดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการใช้อาวุธที่ร้ายแรง ทั้งตำแหน่งที่ถูกกระสุนปืนซึ่งจำเลยยิงไปถูกฝาบ้านชั้นบนตามภาพถ่ายหมาย จ.7 จ.8 ตามคำเบิกความของนางสาวนงนุชผู้เสียหายว่าเป็นที่นอนของตน กับของนายสมพรพี่ชาย และจำเลยได้ยิงเข้าไปในขณะที่นางสาวนงนุช ผู้เสียหายเปิดหน้าต่างออกมาดูเห็นได้ชัดว่าตรงรูที่ฝาบ้านซึ่งถูกกระสุนปืนซึ่งจำเลยยิงไปนั้นห่างจากตัวนางสาวนงนุช ผู้เสียหายเพียง 1 เมตร เท่านั้น และรอยกระสุนปืนอีกรอยหนึ่งก็อยู่ใต้ขอบหน้าต่าง แม้กระสุนปืนที่จำเลยยิงเข้าไปในบ้านจะไม่ถูกผู้เสียหายทั้งสองหรือผู้ใดที่อยู่ในบ้านก็ตาม การกระทำของจำเลยฟังได้ว่า จำเลยยิงปืนไม่แม่นมากกว่าเพราะทั้ง ๆ ที่จำเลยเห็นอยู่แล้วว่านายประหยัดกับพวกวิ่งเข้าไปในบริเวณข้างบ้านและบุคคลเช่นจำเลยย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่ามีคนอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าวข้างต้น แล้วจำเลยยังบังอาจใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงเข้าไปในบ้าน แม้กระสุนปืนที่จำเลยยิงเข้าไปถูกฝาบ้านชั้นบน ก็หาใช่ว่าจำเลยมีเจตนายิงปืนขู่ไม่ พยานหลักฐานของโจทก์ประกอบกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีเป็นที่เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายพยานหลักฐานของจำเลยไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share