แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่นายมังกรขับ แต่ถ้าโจทก์ได้ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่เช่าซื้อ การครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวเป็นการครอบครองโดยมีเจตนาจะเป็นเจ้าของ และตามสัญญาเช่าซื้อโจทก์มีหน้าที่ดูแลรักษาและซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวให้คงสภาพใช้การได้ดีตลอดเวลาหากมีผู้ทำละเมิดเป็นเหตุให้รถยนต์คันดังกล่าวได้รับความเสียหาย ดังนั้น ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการบรรยายตามความเข้าใจของโจทก์ไม่เป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ในคดีอาญาพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ก.เป็นผู้เสียหาย และตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 รัฐเป็นผู้เสียหาย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาลงโทษจำเลย โจทก์ในคดีนี้ไม่ใช่ผู้เสียหายหรือคู่ความในคดีอาญานั้น ในการพิพากษาคดีนี้ศาลจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาแต่เป็นกรณีที่ต้องฟังข้อเท็จจริงกันใหม่จากพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบกันมาในสำนวนคดีนี้ ความเสียหายของโจทก์มิได้เกิดจากการทำละเมิดของจำเลยเพียงฝ่ายเดียว กล่าวคือเกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของ ม.จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อโจทก์เป็นอย่างมากด้วย พิเคราะห์พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้วไม่สมควรที่จะให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายทั้งหมดของโจทก์. (วรรคสองวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2534)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์สองแถวไปตามถนนพระรามที่ 4จากด้านสะพานเหลืองมุ่งหน้าไปทางหัวลำโพง เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยกตัดกับถนนจารุเมืองและถนนมหานคร จำเลยได้ขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง กล่าวคือจำเลยขับรถเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนจารุเมืองโดยไม่หยุดดูความปลอดภัยว่ามีรถแล่นสวนมาหรือไม่และขับตัดหน้ารถยนต์ของโจทก์ซึ่งมีนายมังกร สุเมธีนันทวงศ์ บุตรโจทก์เป็นผู้ขับแล่นสวนทางมา และมีนายเกรียงศักดิ์ วัฒนะวานิชกุลกับนายอักษร จารุจินดา นั่งมาในรถด้วย เป็นเหตุให้รถทั้งสองคันเกิดชนกัน ทำให้รถของโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุจึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหาย เหตุที่รถชนกันไม่ใช่เกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของจำเลย แต่เกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของนายมังกร อายุ 17 ปี บุตรของโจทก์ซึ่งขับรถยนต์ของโจทก์ จำเลยได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายมังกรและโจทก์ในฐานะเป็นมารดาของนายมังกรต่อศาลแพ่งแล้ว ค่าเสียหายของโจทก์ไม่ถึงที่ฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและดอกเบี้ยเป็นเงิน 123,135 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 116,530 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2525 นายมังกร สุเมธีนันทวงศ์บุตรของโจทก์ซึ่งขณะนั้นอายุ 17 ปี ไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ ได้ขับรถยนต์เก๋งคันหมายเลขทะเบียน 6 ง-8723 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อจากบริษัทคอมเมอรเชียลทรัสต์ จำกัด ตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.1 โดยขับแล่นไปตามถนนพระรามที่ 4จากหัวลำโพงมุ่งหน้าไปทางสามย่าน เมื่อรถยนต์แล่นไปถึงสี่แยกตัดกับถนนจารุเมืองและถนนมหานคร ได้ชนกับรถยนต์สองแถวคันหมายเลขทะเบียน6 ม-3538 กรุงเทพมหานคร ของจำเลยซึ่งจำเลยเป็นคนขับแล่นสวนทางและกำลังเลี้ยวขวาจะเข้าถนนจารุเมือง รถชนกันในทางเดินรถของรถที่นายมังกรขับ เป็นเหตุให้รถยนต์ที่นายมังกรขับและรถยนต์ที่จำเลยขับได้รับความเสียหาย และนายเกรียงศักดิ์ วัฒนะวานิชกุลที่นั่งมาในรถยนต์ที่นายมังกรขับได้รับอันตรายสาหัส พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยและนายมังกรเป็นคดีอาญาต่อศาลแขวงพระนครใต้และศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางโดยลำดับ คดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157ตามฟ้อง ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 3 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุด รายละเอียดปรากฏตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 10561/2526 ของศาลแขวงพระนครใต้ ส่วนคดีอาญาที่นายมังกรถูกฟ้อง ไม่ปรากฏผลของคดีในสำนวนคดีนี้มีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการแรกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ที่นายมังกรขับความจริงโจทก์เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่นายมังกรขับแต่ถ้าโจทก์ได้ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่เช่าซื้อ การครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวเป็นการครอบครองโดยมีเจตนาจะเป็นเจ้าของ และตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.1ข้อ 5(2) โจทก์มีหน้าที่ดูแลรักษาและซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวให้คงสภาพใช้การได้ดีตลอดเวลา หากมีผู้ทำละเมิดเป็นเหตุให้รถยนต์คันดังกล่าวได้รับความเสียหาย ย่อมถือได้ว่าเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ดังนั้น ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการบรรยายตามความเข้าใจของโจทก์ ไม่เป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
มีปัญหาที่จะวินิจฉัยต่อไปว่า ในการพิพากษาคดีนี้ซึ่งเป็นคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาในสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 10561/2526 ของศาลแขวงพระนครใต้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46หรือไม่ ปัญหานี้ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า สำนวนคดีอาญาของศาลแขวงพระนครใต้ดังกล่าว พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งนายเกรียงศักดิ์เป็นผู้เสียหาย และตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา43, 157 ซึ่งรัฐเป็นผู้เสียหาย สำหรับโจทก์ในคดีนี้ไม่ใช่คู่ความหรือผู้เสียหายในคดีอาญานั้น ในการพิพากษาคดีนี้ศาลจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาในสำนวนคดีอาญาดังกล่าว แต่เป็นกรณีที่ต้องฟังข้อเท็จจริงกันใหม่จากพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบกันมาในสำนวนคดีนี้
มีปัญหาที่จะวินิจฉัยต่อไปว่า จากพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบกันมาในสำนวนคดีนี้ ฟังได้หรือไม่ว่า จำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ปัญหานี้ศาลล่างทั้งสองไม่ได้วินิจฉัยไว้ แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยก่อนและศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีนายมังกร นายเกรียงศักดิ์และนายอักษรจารุจินดา เป็นพยานเบิกความว่า เหตุที่รถยนต์ที่จำเลยขับกับที่นายมังกรขับเกิดชนกัน เนื่องจากจำเลยขับเลี้ยวขวาแล่นตัดหน้ารถยนต์ที่นายมังกรขับ ซึ่งจำเลยเองก็เบิกความรับว่า ก่อนจำเลยจะขับรถยนต์แล่นเลี้ยวขวาเข้าถนนจารุเมือง จำเลยเห็นมีรถยนต์เก๋งแล่นสวนทางมา จึงเห็นว่าการที่จำเลยขับรถยนต์เลี้ยวขวาโดยไม่หยุดรถรอให้รถยนต์ที่แล่นสวนทางผ่านทางแยกไปก่อน จนเป็นเหตุให้รถยนต์ชนกันนั้น ถือได้ว่าเหตุรถยนต์ชนกันเกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของจำเลยและเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แต่จากคำเบิกความของร้อยตำรวจโทนริศ ศรีประยูรธรรม พยานของโจทก์ และแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.1 ในสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 10561/2526ของศาลแขวงพระนครใต้ ที่ได้ความว่าจุดที่รถยนต์ชนกัน มีรอยห้ามล้อของรถยนต์ที่นายมังกรขับยาวถึงประมาณ 8 เมตร ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบกับสภาพความเสียหายของรถยนต์ที่นายมังกรขับและที่จำเลยขับตามภาพถ่ายหมาย จ.4 ถึง จ.14 และ ล.1 ที่ปรากฏว่ารถยนต์ทั้งสองคันต่างได้รับความเสียหายมาก อันแสดงให้เห็นได้ว่านายมังกรได้ขับรถยนต์ผ่านทางแยกที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง ศาลฎีกาเห็นว่าเหตุที่เกิดรถยนต์ชนกับ เกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของนายมังกรด้วย
คงมีปัญหาที่จะวินิจฉัยต่อไปเพียงว่า โจทก์ได้รับความเสียหายและสมควรได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลยเพียงใด สำหรับค่าเสียหายที่เกิดแก่รถยนต์ที่นายมังกรขับ โจทก์มีตัวโจทก์ นายมังกร และนายยงยุทธ บุญชนะชัย เป็นพยานเบิกความว่า รถยนต์ดังกล่าวได้รับความเสียหาย โจทก์จ้างนายยงยุทธเปลี่ยนอุปกรณ์และซ่อมแซมเป็นเงินรวม 94,230 บาท ตามใบเสร็จรับเงินและใบเสนอราคา เอกสารหมาย จ.2 และ จ.3 ส่วนจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบให้เชื่อได้เป็นอย่างอื่น และเมื่อพิจารณาถึงความเสียหายของรถยนต์คันดังกล่าวตามภาพถ่ายหมาย จ.4 ถึง จ.14 ซึ่งปรากฏว่าได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักเชื่อได้ว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้รับความเสียหายต้องเสียค่าเปลี่ยนอุปกรณ์และซ่อมแซมรวมเป็นเงิน 94,230 บาท จริง สำหรับค่าเสื่อมราคาของรถยนต์เห็นว่า รถยนต์คันดังกล่าวได้รับความเสียหายมาก เมื่อซ่อมเสร็จแล้วย่อมจะเสื่อมราคาไปบ้าง แต่ที่โจทก์ขอเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้ไว้เป็นเงิน 20,000 บาท นั้น เห็นว่าจากใบเสนอราคาเอกสารหมาย จ.3 ปรากฏว่าอุปกรณ์ของรถยนต์ส่วนที่ได้รับความเสียหายได้รับการซ่อมแซมโดยเปลี่ยนใหม่เป็นส่วนใหญ่ เมื่อซ่อมแซมเสร็จแล้วรถยนต์คันดังกล่าวไม่น่าจะเสื่อมราคาถึงจำนวนตามที่โจทก์ขอ และเห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้เป็นเงิน 5,000 บาท สำหรับข้อที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถยนต์ที่โจทก์ฟ้อง ขอเรียกค่าพาหนะในการเดินทางวันละ 100 บาท เป็นเวลา 23 วัน เป็นเงินรวม 2,300 บาท นั้น เห็นว่าโจทก์ไม่ได้นำสืบพยานหลักฐานใดที่จะทำให้เห็นได้ว่า โจทก์ได้เสียค่าพาหนะในการเดินทางตามที่โจทก์กล่าวอ้างมาในคำฟ้อง ไม่สมควรกำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้ให้โจทก์ สรุปแล้วค่าเสียหายของโจทก์ คือค่าเปลี่ยนอุปกรณ์และซ่อมแซมรถยนต์ กับค่าเสื่อมราคาของรถยนต์คิดเป็นเงินรวม 99,230 บาท แต่โดยเหตุที่ความเสียหายของโจทก์ดังกล่าว มิได้เกิดจากการทำละเมิดของจำเลยเพียงฝ่ายเดียว กล่าวคือเกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของนายมังกรจนเป็นเหตุก่อให้เกิดความเสียหายต่อโจทก์เป็นอย่างมากด้วย พิเคราะห์พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้ว ไม่สมควรที่จะให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายทั้งหมดของโจทก์ และเห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายที่ให้จำเลยชดใช้ให้โจทก์เป็นเงินรวม 30,000 บาท โดยแยกให้จำเลยชดใช้เป็นค่าเปลี่ยนอุปกรณ์และซ่อมแซมรถยนต์เป็นเงิน 28,000 บาทค่ารถยนต์เสื่อมราคาเป็นเงิน 2,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินแต่ละจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่26 ตุลาคม 2525 และนับแต่วันฟ้องโดยลำดับตามที่โจทก์ขอ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินรวม30,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย.