คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5584/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จว่ารถยนต์หาย แล้วนำรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไปแสดงต่อบริษัทประกันภัย เป็นการกระทำที่มีเจตนาเดียวคือมุ่งหมายเพื่อให้จะได้เงินจากบริษัทประกันภัยเป็นหลักการกระทำต่าง ๆ ของจำเลยเป็นเพียงวิธีการเพื่อให้ได้รับเงินไปเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173,267,268 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 173 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 173, 267, 268, 91

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173, 267 ให้ลงโทษตามมาตรา 173 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดกระทงหนึ่ง จำคุก 6 เดือน และผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 267 อีกกระทงหนึ่ง แต่จำเลยเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเอง จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 267 จำคุก 6 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จว่ามีคนร้ายลักรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อให้พนักงานสอบสวนจดข้อความอันเป็นเท็จลงในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี แล้วนำรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีดังกล่าวไปใช้เป็นพยานหลักฐานขอรับเงินจากบริษัทประกันภัย ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษ แต่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีเจตนาเดียว คือ ต้องการเบิกเงินจากบริษัทประกันภัย จึงต้องการหลักฐานรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไปแสดงเป็นการกระทำกรรมเดียวนั้น เห็นว่า ที่จำเลยอ้างมาดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นความจริง เพราะบริษัทประกันภัยคงจะไม่จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนกรณีรถยนต์หายเป็นเงินจำนวนมากให้แก่ผู้เอาประกันภัยง่าย ๆ โดยเพียงแต่มาแจ้งว่ารถยนต์หาย ดังนั้นผู้เอาประกันภัยย่อมต้องมีหลักฐานมาแสดงประกอบด้วย เพื่อให้บริษัทประกันภัยเชื่อได้ว่ารถยนต์หายจริงก่อนจึงสมควรจะจ่ายเงิน ซึ่งในกรณีเช่นนี้ วิธีที่ดีที่สุดสำหรับจำเลยที่มีเจตนาทุจริตมุ่งประสงค์จะได้เงินจากบริษัทประกันภัยโดยมิชอบก็คือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จว่ารถยนต์หายแล้วนำรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเป็นหลักฐานไปแสดง นอกจากเรื่องนี้แล้วก็มองไม่เห็นว่าจำเลยมีวัตถุประสงค์อื่นอย่างใดในการที่ไปแจ้งความว่ารถยนต์หายเช่นนั้น การที่จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จว่ารถยนต์หาย แล้วนำรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีไปแสดงต่อบริษัทประกันภัยเป็นการกระทำที่มีเจตนาเดียวคือมุ่งหมายเพื่อให้จะได้เงินจากบริษัทประกันภัยเป็นหลักการกระทำต่าง ๆ ของจำเลยเป็นเพียงวิธีการเพื่อจะให้ได้รับเงินไปเท่านั้นการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่า ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษให้จำเลยศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173, 267, 268 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 173 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน

Share