คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุก่อนโดยเอาปืนจี้และชกจำเลย จำเลยจึงเตะผู้เสียหาย 1 ทีผู้เสียหายล้มลงไม่มีบาดเจ็บการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2499 จำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายนายทรงสันต์มีบาดเจ็บขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 254, 63 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83 และริบไฟฉายของกลาง

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 2 ถูกข่มเหงโดยไม่เป็นธรรมจึงเตะผู้เสียหาย 1 ที โดยบันดาลโทสะ พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 338(3) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ปรับ 25 บาท จำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ได้มีส่วนร่วมด้วยให้ยกฟ้อง ไฟฉายของกลางคืนจำเลยที่ 1

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทุกคนตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ 2 กับผู้เสียหายต่างสมัครใจวิวาททำร้ายกัน จะลงโทษจำเลยที่ 2 ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 338(2) ไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ได้ทำผิด จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 เสียด้วย

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานทำร้ายผู้เสียหายมีบาดเจ็บ

ศาลฎีกาฟังว่า ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุก่อนโดยเอาปืนจี้และชกจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงเตะผู้เสียหาย 1 ที ผู้เสียหายล้มลงไม่มีบาดเจ็บ เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีความจำเป็นเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่ควรลงอาญาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50 และไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68

พิพากษายืนตามผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share