คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7970/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาแฟ็กเตอริงระหว่างโจทก์กับจำเลยมีสาระสำคัญว่าจำเลยตกลงขายลดหนี้ทั้งหมดของลูกหนี้ให้โจทก์ โดยโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดให้โจทก์ รวมทั้งหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ โจทก์จะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยไปก่อน เมื่อหนี้ที่ได้รับโอนถึงกำหนดชำระ โจทก์จะดำเนินการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ของจำเลยแทนเมื่อเรียกเก็บเงินได้หักค่าใช้จ่ายแล้วมีเงินเหลือจะคืนให้จำเลย หากหนี้รายใดเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์พร้อมเบี้ยปรับ ส่วนลดและค่าธรรมเนียม ดังนี้ สัญญาแฟ็กเตอริงดังกล่าวเป็นการโอนสิทธิเรียกร้องในการดำเนินการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ของจำเลยให้โจทก์ดำเนินการแทน เป็นสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งคู่กรณีสามารถตกลงทำสัญญากันได้ จึงไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2538 จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาแฟ็กเตอริงกับโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ตกลงขายลดหนี้ทั้งหมดของลูกหนี้จำเลยที่ 1 ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระแก่โจทก์ โดยวิธีจำเลยที่ 1 โอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ดังกล่าวให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องแล้วโจทก์จะจ่ายเงินให้จำเลยที่ 1 ไป เมื่อหนี้ที่จำเลยที่ 1 นำมาขายลดถึงกำหนดชำระ โจทก์จะเป็นผู้ดำเนินการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ของจำเลยที่ 1 แทน หากเรียกเก็บเงินได้ เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่โจทก์ดำเนินการแทนจำเลยที่ 1 แล้ว มีเงินเหลือโจทก์จะคืนให้จำเลยที่ 1 หากหนี้รายใดโจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ของจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยที่ 1จะต้องรับผิดชำระหนี้ต่อโจทก์ พร้อมค่าส่วนลด ค่าธรรมเนียมและค่าเบี้ยปรับ ในการทำสัญญามีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม แต่เมื่อหนี้ที่จำเลยที่ 1 นำมาขายลดให้โจทก์ถึงกำหนด โจทก์เรียกเก็บเงินไม่ได้หลายรายการ ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ 4,299,841.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 4,247,475.16 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดชี้สองสถาน งดสืบพยานและพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาไปตามรูปคดีค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

จำเลยทั้งสามฎีกา โดยศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่าสัญญาแฟ็กเตอริงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ตกเป็นโมฆะหรือไม่ ตามสัญญาแฟ็กเตอริงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีสาระสำคัญว่าจำเลยที่ 1ตกลงขายลดหนี้ทั้งหมดของลูกหนี้ให้โจทก์โดยโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดให้โจทก์รวมทั้งหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ โจทก์จะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยที่ 1 ไปก่อน เมื่อหนี้ที่ได้รับโอนถึงกำหนดชำระ โจทก์จะดำเนินการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ของจำเลยที่ 1 แทน เมื่อเรียกเก็บเงินได้หักค่าใช้จ่ายแล้วมีเงินเหลือจะคืนให้จำเลยที่ 1 หากหนี้รายใดเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยที่ 1ต้องรับผิดต่อโจทก์พร้อมเบี้ยปรับ ส่วนลดและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ฯลฯเห็นว่า สัญญาแฟ็กเตอริงดังกล่าวเป็นการโอนสิทธิเรียกร้องในการดำเนินการเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ดำเนินการแทน เป็นสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งคู่กรณีสามารถตกลงทำสัญญากันได้ จึงไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่เป็นโมฆะศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share