แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาที่จำเลยให้การรับสารภาพ และคู่ความไม่สืบพยานจนศาลนัดอ่านคำพิพากษาแล้วจำเลยมาขอถอนคำให้การเดิมและขอให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าเพราะสำคัญผิดเช่นนี้ไม่เป็นเหตุผลอันควรอนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิม
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงทรัพย์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83
จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหาในวันที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์จำเลยไม่สืบพยานศาลแขวงพระนครเหนือทำความเห็นส่งไปให้ศาลอาญาพิพากษา ในระหว่างรอฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำให้การอ้างว่าสำคัญผิดและขอให้การปฏิเสธ ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยให้การรับสารภาพ คดีเสร็จสำนวน จนมีความเห็นส่งศาลอาญาพิพากษาโทษ ไม่มีเหตุสมควรให้จำเลยถอนคำให้การต่อมาศาลอาญาทำคำพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้องลดให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 1 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้พิจารณาใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยอนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิม และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เรื่องนี้จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหาและคู่ความไม่สืบพยานจนศาลนัดฟังคำพิพากษานับว่าคดีเสร็จสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ฉะนั้นเหตุผลที่จำเลยว่าเพราะความสำคัญผิดเนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจเกลี้ยกล่อมให้รับและจะให้มีการถอนคำร้องทุกข์นั้นถือว่าเป็นเหตุอันไม่สมควรอนุญาตให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่