คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าไปในห้องผู้เสียหายในเวลาวิกาลโดยผู้เสียหายไม่ได้ยินยอม แม้ว่าจำเลยจะเคยอยู่กินกับผู้เสียหายอย่างฉันสามีภริยามาก่อน แต่ก็ได้แยกกันอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุอันควรที่จำเลยจะเข้าไปในลักษณะเช่นนี้ แม้ผู้เสียหายจะพูดขับไล่ให้จำเลยออกไปและด่าจำเลยว่า “เจ๊กแก่ไม่เจียมสังขาร เจ๊กหน้าหนังหี กูไม่ยักกับมึงอีกแล้ว”ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยแทงทำร้ายผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะทูก ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๓๖๒, ๓๖๕ (๓) คืนของกลางให้แก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ ประกอบมาตรา ๓๖๕ (๓) ลงโทษจำคุก ๖ เดือน กับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ประกอบมาตรา ๗๒ ลงโทษจำคุก ๒ ปี เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ เป็นจำคุก ๒ ปี ๖ เดือน คืนของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์ว่า ไม่เป็นการพยายามฆ่าโดยบันดาลโทสะ
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยบุกรุกเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนแล้วใช้มีดแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า พิพากษาแก้วเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๕ (๓), ๒๘๘, ๘๐ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘, ๘๐ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามมาตรา ๙๐ จำคุก ๑๐ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาจำเลยแต่เพียงว่า จำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหรือไม่ ปัญหาข้อนี้จำเลยนำสืบว่า เมื่อเวลาประมาณ ๑ นาฬิกา จำเลยได้ตะโกนเรียกผู้เสียหายแล้วไปนั่งดื่มเบียร์รอผู้เสียหายประมาณ ๑ ชั่วโมง แต่ผู้เสียหายไม่ไปพบ จำเลยจึงปีนขึ้นไปที่ชั้นสองซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยเข้าไปในห้องผู้เสียหายเห็นผู้เสียหายนอนอยู่ ผู้เสียหายได้ลุกขึ้นมาด่าจำเลยอย่างหยาบคายไล่ให้จำเลยออกไปแล้วคว้ามีดมาไล่แทงจำเลยถูกที่นิ้วชี้กลางกับข้อศอกด้านขวาเป็นบาดแผล จำเลยแย่งมีดเล่มนั้นได้ แล้วได้เสียบแทงกลับไปที่ตัวผู้เสียหาย ๑ ครั้ง การนำสืบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าไปในห้องผู้เสียหายในเวลาวิกาลโดยผู้เสียหายไม่ได้ยินยอม และถึงแม้ว่าจำเลยจะเคยอยู่กินกับผู้เสียหายอย่างฉันสามีภริยามาก่อน แต่ก็ได้แยกกันอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุอันควรที่จำเลยจะเข้าไปในลักษณะเช่นนี้ แม้จะฟังว่าผู้เสียหายพูดขับไล่ให้จำเลยออกไปและด่าจำเลยว่า “เจ๊กแก่ไม่เจียมสังขาร เจ๊กหน้าหนังหี กูไม่ยักกับมึงอีกแล้ว” ดังที่จำเลยเบิกความก็ตาม ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และการที่จำเลยแทงทำร้ายผู้เสียหายนั้น ก็ไม่ได้แสดงว่าจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมดังที่ฎีกา จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยได้กระทำลงไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share