คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5545/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ทำงานเป็นแคดดี้อยู่ในสนามกอล์ฟของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ได้ขับรถกอล์ฟบรรทุกผู้เล่นกอล์ฟชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บที่เข่าซ้ายและหลังเท้าซ้ายจำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ดูแลครอบครอง เพราะการใช้รถคันเกิดเหตุจะต้องผ่านการซื้อบัตรรถกอล์ฟโดยตรงจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงได้รับประโยชน์ส่วนแบ่งเป็นค่าเช่าจากผู้เล่นกอล์ฟ และแม้การที่จำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุจะมิใช่หน้าที่โดยตรงของจำเลยที่ 1 แต่ก็ถือได้ว่าเป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งที่จำเลยที่ 2 มอบหมายให้ทำ จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทน ของจำเลยที่ 2 ในด้านบริการแก่ผู้เล่นกอล์ฟ จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 564,455 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2เหตุละเมิดเกิดจากความประมาทของโจทก์เอง โจทก์ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยในระหว่างการรักษาโจทก์ยังคงปฏิบัติงานได้ตามปกติ จึงไม่ทำให้ขาดรายได้และไม่มีสิทธิเรียกค่าเสื่อมสภาพต่อร่างกาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน384,455 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 มกราคม 2538จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ทำงานเป็นแคดดี้อยู่ในสนามกอล์ฟของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ได้ขับรถกอล์ฟบรรทุกผู้เล่นกอล์ฟชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บที่เข่าซ้ายและหลังเท้าซ้าย โจทก์รักษาตัวเบื้องต้นที่โรงพยาบาลเวชธานี เสียค่าใช้จ่ายไปจำนวน 4,455 บาท
คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 2 ประการแรกว่า จำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ ในปัญหานี้โจทก์มีตัวโจทก์เบิกความว่าในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 12 นาฬิกา พยานเลิกเล่นกอล์ฟได้เข้าไปอาบน้ำที่คลับเฮาส์ ขณะเดินออกมาเพื่อจะขึ้นรถได้ยินเสียงข้างหลังพูดว่าหยุด ๆ ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ขับรถกอล์ฟแหกโค้งออกมาชนพยานและครูดพยานไปได้รับบาดเจ็บที่ขา ทางที่รถวิ่งมานั้นตามธรรมดาเป็นทางคนเดินแต่รถคันดังกล่าวได้วิ่งแหกโค้งออกมา โดยโจทก์มีนางพรรณี เสถียรโชค ภริยาโจทก์เบิกความได้ความว่า ในวันเกิดเหตุขณะที่พยานและโจทก์เล่นกอล์ฟเสร็จ กำลังเดินกลับจะขึ้นรถ ขณะเดินอยู่ในช่วงของทางลาดได้มีรถกอล์ฟขับลงมาจากทางลาดและออกนอกเส้นทางพุ่งเข้าชนโจทก์ ขณะนั้นโจทก์กำลังเดินอยู่ขอบทางช่วงที่ชนพยานอยู่ด้านหน้าโจทก์ประมาณ 4-5 ก้าว จากคำเบิกความของโจทก์และนางพรรณียืนยันว่าจำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุชนโจทก์โดยประมาทเลินเล่อส่วนจำเลยที่ 2 ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะเกิดเหตุมาเบิกความ คงมีภาพถ่ายแสดงจุดที่เกิดเหตุอยู่บนช่องทางเดินรถกอล์ฟซึ่งมีป้ายห้ามขึ้นลงตามภาพถ่ายหมาย ล.3 กับแบบจำลองแสดงที่เกิดเหตุเอกสารหมาย ล.5 โดยจำเลยที่ 2 มีนายโอภาส อภินันท์และนายวิเชียร พึ่งแย้ม ทนายจำเลยที่ 2 มาเบิกความประกอบภาพถ่ายและแบบจำลองแสดงที่เกิดเหตุดังกล่าว โดยไม่ได้ความว่าได้รับคำบอกเล่าจากผู้เห็นเหตุการณ์พยานหลักฐานจำเลยที่ 2 จึงเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจุดที่เกิดเหตุเป็นดังเช่นที่จำเลยที่ 2 กล่าวอ้าง ทั้งทางนำสืบของจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้ความว่าโจทก์วิ่งตัดหน้ารถคันเกิดเหตุตามที่จำเลยที่ 2 ให้การไว้ ดังนั้น ความเสียหายที่โจทก์ได้รับจึงมิได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของโจทก์เองหรือโจทก์มีส่วนร่วมกระทำประมาทอยู่ด้วย แต่เป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 โดยตรง ตามที่โจทก์นำสืบไว้ จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ ในปัญหานี้เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ทำงานเป็นแคดดี้อยู่ในสนามกอล์ฟของจำเลยที่ 2แล้วยังได้ความจากนายโอภาสพยานจำเลยที่ 2 ว่า นอกจากแคดดี้จะมีหน้าที่ช่วยผู้เล่นกอล์ฟแล้ว ยังมีหน้าที่เข้าเวรถอนวัชพืชในสนามกอล์ฟ รถกอล์ฟนั้นจะมีแคดดี้เป็นคนขับแคดดี้จะต้องได้รับอนุญาตจากจำเลยที่ 2 จึงสามารถทำงานในสนามกอล์ฟได้หากแคดดี้ทำผิด ทางจำเลยที่ 2 สามารถลงโทษไล่ออกได้ โดยมีพยานเป็นผู้ดูแลแคดดี้ ผู้มาเล่นกอล์ฟจะต้องซื้อบัตรเล่นกอล์ฟ บัตรดังกล่าวจะมีตั๋วอีกแผ่นหนึ่งเพื่อมอบให้แก่แคดดี้เพื่อบริการผู้เล่นกอล์ฟ แคดดี้จะนำตั๋วดังกล่าวมาขึ้นเงิน หากต้องการแคดดี้2 คน ก็ต้องซื้อตั๋วเพิ่ม แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าแคดดี้ที่จะทำงานในสนามกอล์ฟของจำเลยที่ 2 ได้ อยู่ในอำนาจของจำเลยที่ 2 ที่จะอนุญาตมอบหมายให้ทำหน้าที่แคดดี้โดยตรง แคดดี้จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในด้านบริการผู้เล่นกอล์ฟแทนจำเลยที่ 2โดยผู้เล่นกอล์ฟจะต้องซื้อบัตรมีตั๋วมอบให้แคดดี้ด้วย การรับเงินของแคดดี้จึงมิใช่รับเงินโดยตรงจากผู้เล่นกอล์ฟ แต่ต้องผ่านการซื้อบัตรเล่นกอล์ฟ เงินที่ได้จากการซื้อบัตรเล่นกอล์ฟจึงเป็นของจำเลยที่ 2 แคดดี้จะต้องบริการต่อผู้เล่นกอล์ฟที่มอบตั๋วให้แก่ตนแทนจำเลยที่ 2 แล้วจึงมีสิทธินำตั๋วไปแลกเงินจากจำเลยที่ 2 จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2เป็นผู้จ่ายค่าบริการให้แก่แคดดี้ ซึ่งเป็นลักษณะของตัวแทนว่าได้กระทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากตัวการแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะนำสืบว่ารถคันเกิดเหตุมิใช่รถของจำเลยที่ 2แต่เป็นของบริษัทจี ซี อาร์ แอนด์ เอ็ม จำกัด นำมาให้ผู้เล่นกอล์ฟใช้ ทางจำเลยที่ 2อนุญาตให้นำมาใช้ในสนามกอล์ฟได้ โดยจำเลยที่ 2 จะได้รับประโยชน์ส่วนแบ่งเป็นค่าเช่านั้นก็ไม่ได้ความว่าเจ้าของรถคันเกิดเหตุได้รับประโยชน์จากการให้บริการรถของตนจากผู้ใด ใครเป็นผู้ดูแลครอบครองรถที่แคดดี้เป็นผู้ขับใช้บริการแก่ผู้เล่นกอล์ฟดังนั้น จึงต้องรับฟังว่ารถคันเกิดเหตุอยู่ในสนามกอล์ฟของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ดูแลครอบครอง เพราะการใช้รถคันเกิดเหตุจะต้องผ่านการซื้อบัตรรถกอล์ฟตามเอกสารหมาย ล.6 โดยตรงจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงได้รับประโยชน์ส่วนแบ่งเป็นค่าเช่าจากผู้เล่นกอล์ฟและพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุแม้จะมิใช่หน้าทโดยตรงของจำเลยที่ 1 แต่ก็ถือได้ว่าเป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งที่จำเลยที่ 2 มอบหมายเช่นเดียวกับการถอนวัชพืชจำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในส่วนนี้โดยปริยายตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 ในด้านบริการแก่ผู้เล่นกอล์ฟ จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด ซึ่งจำเลยที่ 1 ในฐานะตัวแทนได้กระทำไปในขอบอำนาจแห่งตัวแทนของจำเลยที่ 2 ”
พิพากษายืน

Share