คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5544/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การกระทำที่จะเป็นความผิดสำเร็จฐานวางเพลิงเผาทรัพย์นั้นไม่หมายความเพียงว่าเอาเพลิงไปวางเท่านั้น หากต้องเป็นการเผาทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์นั้นติดไฟขึ้นด้วย เพียงแต่ทรัพย์มีรอยเกรียม ดำแต่ยังไม่ไหม้ไฟ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จคงเป็นความผิดฐานพยายามเท่านั้น การที่จำเลยโกรธผู้เสียหายเนื่องจากถูกผู้เสียหายทำร้ายต่อหน้าบุคคลอื่น จึงบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย โดยมีน้ำมันเบนซิน ไม้ขีดไฟและมีดโต้ติดตัวไปด้วย แล้วใช้มีดฟันประตูครัวราดน้ำมันเบนซินใส่และจุดไฟเผาจากนั้นวิ่งขึ้นชั้นบนราดน้ำมันเบนซินใส่พื้นบ้านจุดไม้ขีดไฟเผาอีกแล้วจำเลยวิ่งลงมาใช้มีดโต้ฟันทรัพย์สินอื่น ๆ ในบ้านแตกเสียหาย ถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาอันแท้จริงที่จะทำลายทรัพย์สินของผู้เสียหายในคราวเดียวกัน แม้จำเลยจะวางเพลิงและใช้มีดโต้ฟันทำลายทรัพย์สินด้วยก็เป็นเพียงแต่การใช้วิธีการที่แตกต่างกันเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บุกรุกเข้าไปในบ้านและทำลายทรัพย์สินของผู้เสียหาย แล้วใช้น้ำมันราด พื้นและประตูห้องครัวกับพื้นบ้านชั้นบนและจุดไฟเผาจนลุกไหม้ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218, 358, 364, 365, 91 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานบุกรุกโดยมีอาวุธ ทำให้เสียทรัพย์ ลงโทษฐานบุกรุกซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 1 ปี และมีความผิดฐานพยายามวางเพลิงจำคุก 4 ปี รวมจำคุก5 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือนของกลางริบโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และวางเพลิงเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานบุกรุก ให้ลงโทษฐานพยายามวางเพลิงซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 4 ปีลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 2 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อ วันที่ 4ตุลาคม 2529 เวลาประมาณ 14 นาฬิกา นายประเสริฐ กันยะวงศ์ผู้เสียหาย กับบุคคลอื่นกำลังดูมวยทางเครื่องรับโทรทัศน์อยู่ที่บ้านนายประยูร ตาดี จำเลยซึ่งมีอาการเมาสุราได้เข้าไปท้าทายบุคคลอื่นเล่นพนันมวยแต่ไม่มีใครเล่นด้วย จำเลยเดินไปปิดเครื่องรับโทรทัศน์ ผู้เสียหายจึงตบจำเลย 2 ที แล้วแยกย้ายกันไปจนเวลาประมาณ 15 นาฬิกา จำเลยซื้อน้ำมันเบนซินใส่กระป๋องน้ำมันเครื่องจากนายกาล ปทุมชาติ แล้วไปเอามีดโต้ของนางแสวงบุญใส และไปที่บ้านของผู้เสียหาย จำเลยใช้มีดโต้ฟันประตูครัวหลังบ้านและในบ้านราดน้ำมันเบนซินใส่ประตูครัวจุดไม้ขีดไฟเผาจนไฟลุก แล้วจำเลยวิ่งขึ้นชั้นบนบ้านของผู้เสียหายราดน้ำมันเบนซินใส่พื้นบ้านชั้นบนซึ่งเป็นไม้จุดไม้ขีดไฟเผาจนลุกอีกเช่นกัน หลังจากนั้นจำเลยวิ่งลงมาใช้มีดโต้ฟันของอื่น ๆ ในบ้านของผู้เสียหายแตกเสียหายหลายรายการ แล้วหลบหนีไป วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจับจำเลยได้ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำความผิดของจำเลยฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ และวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นความผิดต่างกรรมกันหรือไม่และการวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาว่าความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์คดีนี้เป็นความผิดสำเร็จหรือไม่ก่อนปรากฏจากภาพถ่ายหมาย จ.5 ภาพที่ 9 และภาพที่ 10 กับภาพถ่ายหมาย จ.9 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5 ภาพที่ 7 และภาพที่ 8 ว่า ประตูครัวหลังบ้านและในบ้านและพื้นบ้านที่ถูกจำเลยจุดไฟเผาเป็นเพียงแค่รอยดำเท่านั้น และยังได้ความจากพยานโจทก์อีกด้วยว่า หลังจากจำเลยจุดไฟเผาทรัพย์สินดังกล่าวแล้วประมาณ 3 นาทีไฟก็ดับไปเอง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การกระทำที่จะเป็นความผิดสำเร็จฐานวางเพลิงเผาทรัพย์นั้น ไม่หมายความเพียงว่าเอาเพลิงไปวางเท่านั้นหากต้องเผาทำให้เกิดเพลิงไหม้อีกด้วยคือทรัพย์ที่ถูกวางเพลิงนั้นติดไฟในตัวเองแล้ว การที่ทรัพย์ที่ถูกวางเพลิงเกรียมดำแต่ยังไม่ไหม้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการทำให้เกิดเพลิงไหม้ อันจะเป็นความผิดสำเร็จดังฎีกาของโจทก์การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์เท่านั้น ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ส่วนปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย โดยมีน้ำมันเบนซิน ไม้ขีดไฟ และมีดโต้ติดตัวไปด้วยนั้น จำเลยกระทำด้วยความโกรธที่ถูกผู้เสียหายตบ 2 ที ต่อหน้าบุคคลอื่น จึงคิดแก้แค้นด้วยการทำลายทรัพย์สินของผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายใช้มีดฟันประตูครัวราดน้ำมันเบนซินใส่จุดไม้ขีดไฟเผาจนไฟลุก แล้วจำเลยวิ่งขึ้นชั้นบนราดน้ำมันเบนซินใส่พื้นบ้านชั้นบนจุดไม้ขีดไฟเผาจนไฟลุกอีกหลังจากนั้นจำเลยวิ่งลงมาใช้มีดโต้ฟันทรัพย์สินอื่น ๆ ในบ้านของผู้เสียหายแตกเสียหายหลายรายการ เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาอันแท้จริงที่จะทำลายทรัพย์สินของผู้เสียหายในคราวเดียวกัน แม้จำเลยจะวางเพลิงและใช้มีดโต้ฟันทำลายทรัพย์สินด้วย ก็เป็นเพียงแต่การใช้วิธีการที่แตกต่างกันเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share