แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อคู่ความนำคดีมาสู่ศาลจึงมีหน้าที่ต้องนำข้อเท็จจริงมาแสดงต่อศาล หากมีความจำเป็นจนมิอาจมาศาลได้ก็จำต้องแจ้งให้ศาลทราบถึงเหตุแห่งความจำเป็นดังกล่าว คดีนี้ผู้รับมอบอำนาจโจทก์มาศาลและได้กลับไปเพราะตรวจบัญชีนัดความของศาลในช่วงเช้าแล้วไม่พบรายชื่อคู่ความ โดยมิได้ตรวจดูบัญชีนัดความในช่วงบ่าย ทั้ง ๆ ที่คดีของโจทก์ได้นัดไว้ในช่วงบ่าย และมิได้ติดต่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่ศาลแต่อย่างใดจึงเป็นความผิดพลาดของผู้รับมอบอำนาจโจทก์เอง ดังนี้จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องหมายเรียกจำเลยยื่นคำให้การแก้คดีและนัดสืบพยานโจทก์วันที่10 พฤษภาคม 2539 เวลา 13.30 นาฬิกา
ครั้นถึงวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาล ทนายจำเลยมาศาลยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าจำเลยป่วย ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา พิพากษายกฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166
โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์มิได้จงใจไม่ไปศาลตามที่ศาลนัดเป็นความเข้าใจผิดของผู้รับมอบอำนาจโจทก์เมื่อดูในบัญชีนัดความแล้วไม่มีการนัดพิจารณา จึงเชื่อว่าอาจเป็นการนัดวันผิดพลาดขอให้ไต่สวนคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์มาศาลในเช้าวันนัดสืบพยานโจทก์เพื่อขอรับเงินในคดีอื่น แต่เจ้าหน้าที่ไม่จ่ายเงินให้ เมื่อดูวันนัดพิจารณาคดีนี้ ปรากฏว่าไม่มีการนัดในช่วงเช้าเข้าใจว่าทนายโจทก์จดวันนัดผิดจึงเดินทางกลับโดยไม่ได้ดูบัญชีนัดความในช่วงบ่าย และไม่ได้สอบถามเจ้าหน้าที่แสดงให้เห็นความไม่ใส่ใจในภาระหน้าที่ของตน เป็นความบกพร่องของผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ไม่มีเหตุสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า มีเหตุผลสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่หรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่า ในวันที่ศาลนัดให้จำเลยให้การแก้คดีพร้อมกับสืบพยานโจทก์ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2539 เวลา 13.30 นาฬิกา ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ได้มาศาลแล้ว โดยโจทก์ได้มอบหมายให้มาติดต่อขอรับเงินตามคำพิพากษาในคดีอื่น แต่รับเงินไม่ได้เพราะไม่มีใบมอบอำนาจให้รับเงิน ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ได้ดูบัญชีนัดความของศาลในช่วงเช้าแต่ไม่มีรายชื่อโดยมิได้ดูบัญชีนัดความในช่วงบ่ายซึ่งศาลทำบัญชีแยกกัน ผู้รับมอบอำนาจโจทก์จึงได้กลับไป ส่วนทนายความโจทก์เดินทางไปจังหวัดนครศรีธรรมราชในคดีอื่น และโจทก์ไม่สามารถมาศาลได้เพราะอายุมากนั้น เห็นว่า เมื่อคู่ความนำคดีมาสู่ศาลมีหน้าที่ต้องนำข้อเท็จจริงมาแสดงต่อศาลหากมีความจำเป็นจนมิอาจมาศาลได้ก็จำต้องแจ้งให้ศาลทราบถึงเหตุแห่งความจำเป็นดังกล่าวเมื่อปรากฏว่าผู้รับมอบอำนาจโจทก์มาศาลและได้กลับไปเพราะตรวจบัญชีนัดความของศาลในช่วงเช้าแล้วไม่พบรายชื่อคู่ความโดยมิได้ตรวจดูบัญชีนัดความในช่วงบ่าย ทั้ง ๆ ที่คดีของโจทก์ได้นัดไว้ในช่วงบ่าย และมิได้ติดต่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่ศาลแต่อย่างใด จึงเป็นความผิดพลาดของผู้รับมอบอำนาจโจทก์เองไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
พิพากษายืน