คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ม.ทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องปรับอากาศระบุชื่อโรงแรมสุริยาตรโฮเต็ลและ ม.ลงชื่อประทับตราของห้างสุริยาตรโฮเต็ล ผู้ร้องนำของนี้ไปใช้ในโรงแรมผู้ร้อง ไม่มีโรงแรมสุริยาตรที่อื่นอีก โจทก์ผู้เช่าซื้อก็คือผู้ร้องนั่นเอง ผู้ร้องยอมให้ ม. แสดงออกเป็นตัวแทนต้องรับผิดในหนี้ที่เกิดจากสัญญาเช่าซื้อซึ่งโจทก์แพ้คดีจำเลย

ย่อยาว

ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเครื่องปรับอากาศแก่จำเลยตามฟ้องแย้งหากคืนไม่ได้ให้ใช้เงิน 184,000 บาท กับค่าเสียหาย 59,893 บาท ฯลฯ จำเลยนำยึดทรัพย์ในโรงแรม ผู้ร้องร้องว่าเป็นทรัพย์ของผู้ร้องคือ ห.จ.ก.สุริยาตรโฮเต็ล ไม่ใช่ของโจทก์ คือ ห.จ.ก. โรงแรมสุริยาตร ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้อง ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ได้ความรับกันว่าทรัพย์ที่ยึด 6 รายการเป็นของห้างผู้ร้อง มีปัญหาว่าผู้ร้องกับโจทก์เป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว สัญญาเช่าซื้อเครื่องปรับอากาศที่นายหมงควร แซ่เต็ง ทำกับจำเลยตามเอกสารหมาย ร.15 ระบุชื่อผู้เช่าซื้อว่าโรงแรมสุริยาตร มีนายหมงควร แซ่เต็ง ลงชื่อและประทับตราสำคัญของห้างผู้ร้อง เช่าซื้อแล้วได้นำเครื่องปรับอากาศนั้นไปติดตั้งใช้ในโรงแรมของผู้ร้องครั้นมีกรณีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อ นายหมงควร แซ่เต็ง ได้ฟ้องจำเลยระบุในคำฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงแรมสุริยาตร โดยนายหมงควร แซ่เต็ง เป็นโจทก์ เห็นว่า แม้ตามสัญญาเช่าซื้อและคำฟ้องจะใช้ว่า “โรงแรมสุริยาตร” มิใช่ “สุริยาตรโฮเต็ล” ดังชื่อผู้ร้อง แต่ก็คล้ายคลึงกันปรากฏว่าไม่มีโรงแรมสุริยาตรอื่นอีก ทั้งที่อยู่ของโรงแรมสุริยาตรหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงแรมสุริยาตร ตามสัญญาเช่าซื้อและคำฟ้องก็ระบุว่าอยู่ที่เลขที่ 47/14 ถนนสุริยาตร อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานีตรงกับที่อยู่ของห้างผู้ร้อง จึงฟังได้ว่า ผู้เช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.15 และโจทก์คดีนี้ก็คือห้างผู้ร้องนั่นเอง การกระทำของนายหมงควร แซ่เต็ง ที่ทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องปรับอากาศและฟ้องคดีดังกล่าวเป็นการทำแทนห้างผู้ร้องทั้งสิ้น หาใช่กระทำเป็นส่วนตัวไม่ ได้ความต่อไปว่า ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างผู้ร้องมี 5 คน ล้วนเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน นายหมงควร แซ่เต็ง เป็นพี่ชายคนโต นายพิชิต เต็งตระกูล ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นน้องชายคนสุดท้อง นายพิชิต เต็งตระกูล เบิกความว่า แม้ได้เปิดดำเนินการโรงแรมสุริยาตรโฮเต็ลแล้ว นายพิชิต เต็งตระกูล ก็ยังประกอบอาชีพนำเครื่องนุ่งห่มไปขายต่างอำเภอเช่นเคยบางทีต้องค้างคืนหนึ่งหรือสองคืน คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ประจำที่โรงแรมประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แสดงว่านายพิชิต เต็งตระกูล หาได้จัดการห้างผู้ร้องอย่างจริงจังไม่ นายหมงควร แซ่เต็ง ในฐานะเป็นพี่ชายคนโตของหุ้นส่วนทุกคนน่าจะได้เข้ากระทำกิจการแทนห้างผู้ร้องเสมอมา มิฉะนั้นคงไม่อาจเอาตราสำคัญของห้างผู้ร้องไปประทับในสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ร.15 ได้โดยง่าย ยังปรากฏอีกว่า ขณะที่นายหมงควร แซ่เต็งทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องปรับอากาศก็ดี ขณะฟ้องคดีนี้ก็ดี นายหมงควร แซ่เต็ง กับนายพิชิต เต็งตระกูล มีชื่อในทะเบียนบ้านเลขที่ 258/2 ถนนพิชิตรังสรรค์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกัน เชื่อว่าคนทั้งสองอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน นายพิชิต เต็งตระกูล ย่อมทราบดีถึงการกระทำของนายหมงควร แซ่เต็ง ตลอดมา พฤติการณ์ดังวินิจฉัยมาฟังได้ว่าห้างผู้ร้องรู้แล้วยอมให้นายหมงควร แซ่เต็ง แสดงออกเป็นตัวแทนของตนในการทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องปรับอากาศและฟ้องคดีนี้ ห้างผู้ร้องจะต้องรับผิดต่อจำเลยผู้สุจริตเสมือนนายหมงควร แซ่เต็ง เป็นตัวแทนของห้างผู้ร้อง ถือได้ว่าผู้ร้องกับโจทก์เป็นบุคคลเดียวกัน จำเลยนำยึดทรัพย์พิพาท 6 รายการของผู้ร้องเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด”

พิพากษายืน

Share