คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีบุคคลภายนอกขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา36 ไม่มีกฎหมายจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันมาให้ยกคำร้องของผู้ร้องผู้ร้องก็ยังฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ คดีไม่ตกอยู่ในบังคับมาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การแจ้งโอนทะเบียนรถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2473 มาตรา 13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนดให้มีขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การควบคุมของเจ้าพนักงานเท่านั้นไม่ใช่แบบ ที่กำหนดไว้เพื่อความสมบูรณ์แห่งนิติกรรมซื้อขายรถยนต์ รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งซึ่งกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน

ย่อยาว

คดีนี้เดิมศาลจังหวัดปัตตานีพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวและริบของกลางคือรถยนต์บรรทุกข้าวสารยี่ห้อมาสด้าหมายเลขทะเบียน น.ธ.02324

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางดังกล่าว อ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของแท้จริง มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่าผู้ร้องมิใช่เจ้าของแท้จริงสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่โจทก์แก้ฎีกาคัดค้านว่า ฎีกาของผู้ร้องเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 โดยอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 824/2490 เป็นบรรทัดฐานนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลล่างทั้งสองมิได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ กรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ปัญหาในคดีนี้เป็นเรื่องบุคคลภายนอกมาร้องขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ซึ่งไม่มีกฎหมายจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาแต่อย่างใดผู้ร้องจึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ส่วนคำพิพากษาฎีกาที่โจทก์ยกมาอ้างนั้นเป็นฎีกาในปัญหาเรื่องโทษริบทรัพย์ซึ่งลงแก่จำเลยอันไม่ตรงกับปัญหาในคดีนี้ จึงจะยกมาเป็นบรรทัดฐานแก่คดีนี้หาได้ไม่

ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางรายนี้โดยทะเบียนรถยนต์ยังเป็นชื่อของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การแจ้งโอนทะเบียนรถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2473 มาตรา 13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนดให้มีขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การควบคุมของเจ้าพนักงานเท่านั้น หาใช่แบบที่กำหนดไว้เพื่อความสมบูรณ์แห่งนิติกรรมซื้อขายรถยนต์แต่อย่างใดไม่ รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่ง ซึ่งกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 458 โดยไม่มีกฎหมายกำหนดแบบพิธีว่าต้องไปจดทะเบียนโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เหมือนอย่างกรณีซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์พิเศษบางอย่างตามมาตรา 456 แต่อย่างใดไม่ ผู้ร้องเองเบิกความว่าตนได้ตกลงขายรถยนต์ของกลางรายนี้ให้นายประดิษฐ์ไปเมื่อก่อนเกิดเหตุคดีนี้ประมาณ 2 ปีแล้ว ส่วนนายประดิษฐ์เบิกความว่าได้ขายต่อให้จำเลยที่ 1 ไปเมื่อประมาณ 2 ปีมาแล้วเช่นกัน ดังนั้น รถยนต์คันนี้จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ไปแล้วในขณะเกิดเหตุ ผู้ร้องมิใช่เจ้าของแท้จริง จึงไม่มีสิทธิมายื่นคำร้องขอคืนได้ ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้ร้องเสียนั้นเป็นการชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share