คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3150/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้เสียหายเอาเงินออกมาเพื่อร่วมทำธนบัตรปลอมด้วยความเชื่อตามที่จำเลยกับพวกหลอกลวง โดยผู้เสียหายยังครอบครองยึดถือธนบัตรเหล่านั้นอยู่ แล้วจำเลยกับพวกได้ใช้อุบายเอาธนบัตรเหล่านั้นของผู้เสียหายไป โดยผู้เสียหายมิได้ส่งมอบให้นั้นเป็นการกระทำผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2519 จำเลยกับพวกอีก 1 คน ได้ร่วมกันเข้าไปในบ้านเคหสถานที่อยู่อาศัยของนายทักษิณผู้เสียหายแล้วใช้กลอุบายลักเอาเงินสดจำนวนหนึ่งล้านบาทของผู้เสียหายที่อยู่ในบ้านนั้นไปโดยทุจริตขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7) ให้จำคุก 5 ปี ให้ใช้เงินหนึ่งล้านบาทแก่ผู้เสียหาย ของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่าจำเลยกับพวกใช้อุบายเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมไปในขณะทรัพย์นั้นอยู่ในความครอบครองของโจทก์ร่วมโดยไม่ให้โจทก์ร่วมรู้ตัว แล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวหาใช่เป็นการที่จำเลยกับพวกได้เงินของโจทก์ร่วมไป โดยโจทก์ร่วมมอบให้เพราะการหลอกลวงของจำเลยอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ดังที่จำเลยฎีกาไม่ การที่โจทก์ร่วมเอาเงินออกมา เพื่อร่วมทำธนบัตรปลอมด้วยความเชื่อตามที่จำเลยกับพวกหลอกลวงโดยโจทก์ร่วมยังครอบครองยึดถือธนบัตรเหล่านั้นอยู่แล้วจำเลยกับพวกใช้อุบายเอาธนบัตรเหล่านั้นของโจทก์ร่วมไป โดยโจทก์ร่วมมิได้ส่งมอบให้เช่นนี้ เป็นการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง

พิพากษายืน

Share