คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5524/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะขอให้ศาลชี้ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1726 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ผู้จัดการมรดกปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันแล้วมีความเห็นแตกต่างกันจนไม่สามารถจัดการมรดกได้ และเกิดมีเสียงเท่ากัน การที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันละเลยเพิกเฉยไม่ยอมเข้าปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับผู้ร้องในอันที่จะจัดการมรดกนั้น มิใช่เป็นกรณีที่จะมาขอให้ศาลชี้ขาดตามบทบัญญัติดังกล่าวได้
ผู้จัดการมรดกจะมาร้องขอให้ศาลออกคำสั่งเรียกให้ธนาคารส่งและแจ้งบัญชีเงินฝากรวมทั้งหลักฐานการเบิกถอนและสรรพเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้ตายหรือของผู้คัดค้านต่อศาลเพื่อให้ตนตรวจสอบหาได้ไม่ เป็นเรื่องที่ผู้จัดมรดกจะต้องดำเนินการเองตามสิทธิและหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย.

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันในทรัพย์มรดกของนางสุบิน คนศิลป์ผู้ตาย ขณะคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลเพื่อรวบรวมทรัพย์มรดกและทำบัญชีทรัพย์มรดก แต่ผู้คัดค้านไม่ร่วมมือ จึงขอให้ศาลชี้ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒๖ โดยมีคำสั่งให้ผู้ร้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้จัดการมรดกได้เพียงฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีตามคำร้องของผู้ร้องไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒๖ ให้ยกคำร้อง ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องอีกฉบับหนึ่งขอให้ศาลชั้นต้นออกคำสั่งเรียกธนาคารทุกธนาคารในเขตจังหวัดร้อยเอ็ดให้ส่งและแจ้งบัญชีเงินฝากทุกประเภทรวมทั้งหลักฐานการเบิกถอนและสรรพเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้ตายหรือของผู้คัดค้านเพื่อตรวจสอบรวบรวมเป็นหลักฐานการจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะทำได้แต่เพียงฝ่ายเดียวและเป็นคำร้องทำนองเดียวกับคำร้องฉบับเดิมให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีที่จะขอให้ศาลชี้ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒๖ ได้นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ผู้จัดการมรดกได้ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันแล้วมีความเห็นแตกต่างกันไม่สามารถจัดการมรดกได้ และเกิดมีเสียงเท่ากันระหว่างผู้จัดการมรดกอันเกี่ยวกับการทำการตามหน้าที่นั้น ซึ่งกฎหมายให้อำนาจศาลเป็นผู้ชี้ขาดเมื่อมีคำร้องขอ แต่คดีนี้ปรากฏว่าเป็นเรื่องที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้คัดค้านและเลยเพิกเฉยไม่ยอมเข้าปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับผู้ร้องในอันที่จะจัดการมรดก ไม่ใช่เป็นกรณีที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านเกิดข้อขัดแย้งกันเกี่ยวกับการเข้าทำการตามหน้าที่ในการจัดการมรดกจนไม่สามารถจัดการมรดกได้และเกิดมีเสียงเท่ากันไม่กรณีตามที่ผู้ร้องร้องขอมานั้นจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าวในอันที่ศาลจะพิจารณาชี้ขาดให้ได้
ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกคำสั่งเรียกให้ธนาคารทุกธนาคารในเขตจังหวัดร้อยเอ็ดส่งและแจ้งบัญชีเงินฝากทุกประเภทรวมทั้งหลักฐานการเบิกถอนและสรรพเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้ตายหรือของผู้คัดค้านต่อศาลเพื่อให้ผู้ร้องตรวจสอบได้ และศาลชั้นต้นชอบที่จะออกคำสั่งดังกล่าวให้นั้น เห็นว่าข้อที่ผู้ร้องร้องขอต่อศาลดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้จัดการมรดกจะต้องดำเนินการเองตามสิทธิและหน้าที่ของตนที่มีอยู่ตามกฎหมายศาลไม่อาจออกคำสั่งให้ผู้ร้องในกรณีเช่นนี้ได้
พิพากษายืน.

Share