แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การออกเสียงลงมติของเจ้าหนี้มีผู้คัดค้านในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกว่าจะยอมรับคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของจำเลยที่ 2 หรือไม่นั้น จะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 35 วรรคสอง ซึ่งให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้พิจารณาและมีคำสั่งว่าจะให้เจ้าหนี้ดังกล่าวที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้แล้ว แต่ศาลยังไม่ได้พิจารณามีคำสั่งขอรับชำระหนี้ให้มีสิทธิออกเสียงในจำนวนหนี้เท่าใดเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถสั่งในขณะนั้นได้ ในคดีนี้ได้ความว่ามีเจ้าหนี้คัดค้านการออกเสียงของผู้ร้อง และผู้คัดค้านได้สอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเสร็จสิ้นจนมีความเห็นให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องแล้ว แสดงว่าผู้คัดค้านสามารถพิจารณาสั่งให้ผู้ร้องออกเสียงได้เท่าใดหรือไม่จากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนคำขอรับชำระหนี้แล้ว แม้ระหว่างระยะเวลาผู้คัดค้านแก้ฎีกาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้แล้วบางส่วน แต่ไม่ปรากฏว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุด และไม่ว่าผู้ร้องจะมีสิทธิออกเสียงในการประชุมเต็มจำนวนหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ หรือเป็นจำนวนตามที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาต เมื่อนำยอดหนี้ดังกล่าวไปรวมกับยอดหนี้ของเจ้าหนี้ที่ลงมติไม่ยอมรับคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายแล้ว มติของเจ้าหนี้ที่ออกเสียงยอมรับคำขอประนอมหนี้ก็ยังคงเป็นมติพิเศษของเจ้าหนี้ฝ่ายข้างมากที่มีจำนวนหนี้มากกว่าสามในสี่แห่งจำนวนหนี้ทั้งหมดของเจ้าหนี้ซึ่งได้เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนในมตินั้นตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลายฯ ทั้งคำสั่งของผู้คัดค้านที่ไม่ให้ผู้ร้องออกเสียงลงมติในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกดังกล่าวหาได้มีผลไปถึงการประชุมเจ้าหนี้ในครั้งต่อไปหรือมีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องที่จะได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้แต่ประการใด คำสั่งของผู้คัดค้านที่ไม่อนุญาตให้ผู้ร้องออกเสียงในที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายและที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกมีมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของจำเลยที่ 2 โดยผู้คัดค้านมีคำสั่งไม่ให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายที่ 376 ออกเสียงในการลงมติเนื่องจากผู้คัดค้านมีความเห็นยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งของผู้คัดค้านและอนุญาตให้ผู้ร้องใช้สิทธิออกเสียงโดยมีเงื่อนไข
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้าน โดยให้ผู้คัดค้านดำเนินการจัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกเพื่อพิจารณาคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของจำเลยที่ 2 ใหม่ หากยังไม่มีความเห็นของผู้คัดค้านเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเป็นที่ยุติประการใด ก็ให้ผู้ร้องออกเสียงไปพลางก่อน โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าต่อไปผู้คัดค้านสั่งไม่ให้ออกเสียงเพียงใด การออกเสียงของผู้ร้องให้ถือว่าเป็นอันใช้ไม่ได้เพียงนั้น ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า คำสั่งของผู้คัดค้านที่ไม่อนุญาตให้ผู้ร้องออกเสียงในที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การลงมติในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกหรือในคราวที่เลื่อนไปว่าจะยอมรับคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 31 หรือไม่นั้น การออกเสียงลงมติของเจ้าหนี้ที่มีผู้คัดค้านคำขอรับชำระหนี้จะต้องดำเนินการตามมาตรา 35 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้ามีผู้คัดค้านคำขอรับชำระหนี้รายใด ก็ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งให้ออกเสียงในจำนวนหนี้ได้เท่าใดหรือไม่ ถ้าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เห็นว่ายังสั่งในขณะนั้นไม่ได้ ก็ให้หมายเหตุการขัดข้องไว้แล้วให้เจ้าหนี้ออกเสียงไปพลางก่อน โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าต่อไปเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งไม่ให้ออกเสียงเพียงใด การออกเสียงของเจ้าหนี้นั้นให้ถือว่าเป็นอันใช้ไม่ได้เพียงนั้น” ตามบทบัญญัติดังกล่าวในกรณีที่มีผู้คัดค้านการออกเสียงของเจ้าหนี้รายใดก็ได้ให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้พิจารณาและมีคำสั่งว่าจะให้เจ้าหนี้ดังกล่าวที่อาจขอรับชำระหนี้ได้และได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้แล้วแต่ศาลยังไม่ได้พิจารณามีคำสั่งขอรับชำระหนี้ ให้มีสิทธิออกเสียงในจำนวนหนี้เท่าใดในการประชุมเจ้าหนี้หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถสั่งในขณะนั้นได้ ซึ่งในคดีนี้ได้ความแล้วว่ามีเจ้าหนี้จำนวน 28 ราย คัดค้านการออกเสียงของผู้ร้อง และผู้คัดค้านได้สอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเสร็จสิ้นจนมีความเห็นให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องแล้ว แสดงว่าผู้คัดค้านสามารถพิจารณาสั่งให้ผู้ร้องออกเสียงได้เท่าใดหรือไม่จากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนคำขอรับชำระหนี้แล้ว แม้ระหว่างระยะเวลาผู้คัดค้านแก้ฎีกา ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ 2 เป็นเงิน 13,800,000 บาท จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และให้ยกคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับอื่นตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์แล้วแต่ก็ไม่ปรากฏว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุดแล้ว และไม่ว่าผู้คัดค้านจะอนุญาตให้ผู้ร้องมีสิทธิออกเสียงในการประชุมเจ้าหนี้ดังกล่าวเต็มจำนวนหนี้ที่ขอรับชำระหนี้จำนวน 643,350,000 บาท หรือเป็นจำนวน 13,800,000 บาท ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง เมื่อนำยอดหนี้ดังกล่าวไปรวมกับยอดหนี้จำนวนรวม 2,544,613.29 บาท ของเจ้าหนี้จำนวน 22 ราย ที่ลงมติไม่ยอมรับคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของจำเลยที่ 2 แล้ว มติของเจ้าหนี้ที่ออกเสียงยอมรับคำขอประนอมหนี้ดังกล่าวจำนวน 294 ราย ซึ่งมียอดหนี้รวม 14,077,305.11 บาท ก็ยังคงเป็นมติพิเศษของเจ้าหนี้ฝ่ายข้างมากที่มีจำนวนหนี้มากกว่าสามในสี่แห่งจำนวนหนี้ทั้งหมดของเจ้าหนี้ซึ่งได้เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนในมตินั้นตาม มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ทั้งคำสั่งของผู้คัดค้านที่ไม่ให้ผู้ร้องออกเสียงลงมติในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกหรือในคราวที่เลื่อนไปดังกล่าว หาได้มีผลไปถึงการประชุมเจ้าหนี้ในครั้งต่อไปหรือมีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องที่จะได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้แต่ประการใดคำสั่งของผู้คัดค้านจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.