คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 551/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเคยฟ้องขับไล่โจทก์แต่ศาลยกฟ้องโดยกล่าวว่าจำเลยสืบไม่ได้ว่าตัวได้ครอบครอง ภายหลังโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจำเลยก็ต่อสู้ได้ว่าที่นั้นไม่ใช่ของโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนไม่ปิดปากจำเลย
ฎีกาต้องเสียค่าขึ้นศาลฉะเพาะในทุนทรัพย์ที่ตนแพ้คดีในชั้นอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่สวนยาง ๖๔ ไร่ มี ตราจองเป็นโจทก์ จำเลยเข้าสับยางจึงขอให้ห้าม และเรียกค่าเสียหาย
ทางพิจารณาได้ความว่าที่รายพิพาทนี้ตอนหนึ่งเนื้อที่ ๑๘ ไร่เศษ จำเลยเคยฟ้องขับไล่โจทก์ แต่ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโดยกล่าวว่าสืบไม่สมว่าโจทก์ปกครอง
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยปกครองที่มา ๑๐ ปี-เศษแล้ว จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่รายพิพาทนอกจาก ๑๘ ไร่เศษในคดีก่อนได้ความว่า เป็นของจำเลย ส่วนที่ ๑๘ ไร่เศษซึ่งพิพาทกันในคดีก่อน ศาลฎีกาพิพากษาว่าโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้เสียไม่ได้ว่าครอบครองให้ยกฟ้อง จำเลยจึงจะชะนะสำหรับที่ ๑๘ ไร่เศษนี้ไม่ได้จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นฉะเพาะสำหรับที่ ๑๘ ไร่เศษว่า ให้โจทก์ไปบังคับว่ากล่าวเอากับจำเลยในคดีนั้นตามกฎหมาย.
โจทก์ จำเลนฎีกา ศาลฎีกาเห็นฟ้องกับศาลชั้นต้นว่า คำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนวินิจฉัยเพียงว่า โจทก์สืบไม่สมโดยเป็นคดีฟ้องขับไล่ ไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นที่ดินของจำเลย แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไป ในที่สุดเห็นว่าข้อเท็จจริงแสดงการปกครองของฝ่ายจำเลยมาช้านาน จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งหมด และกล่าวว่าควรเรียกค่าขึ้นศาลเท่าที่จำเลยแพ้ความชั้นอุทธรณ์ จึงสั่งให้คืนค่าขึ้นศาลที่เรียกเกินให้จำเลยไป.

Share