คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5506/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยตกลงท้ากันว่า หากผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบความเสียหายของอาคารของโจทก์แล้วมาเบิกความประกอบการรายงานว่า ความเสียหายของอาคารโจทก์ที่ได้รับเกิดจากการกระทำของจำเลย จำเลยยอมแพ้และยอมจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ตามความเสียหายที่ผู้เชี่ยวชาญรายงาน หากผู้เชี่ยวชาญรายงานว่าความเสียหายของโจทก์ไม่ได้เกิดจากการกระทำของจำเลยโจทก์ยอมแพ้ การที่ผู้เชี่ยวชาญทำความเห็นต่อศาลว่า ได้ไปตรวจสอบอาคารพิพาทแล้วความเสียหายเกิดจากการเพิ่มน้ำหนักของอาคารพิพาท ค่าเสียหายของอาคารของโจทก์เป็นเงิน 850,000 บาท และผู้เชี่ยวชาญมาเบิกความประกอบการรายงานว่า อาคารพิพาททรุดตัวเกิดจากการต่อเติมของจำเลย ดังนั้น ผลการตรวจสอบอาคารพิพาทของผู้เชี่ยวชาญจึงตรงตามคำท้าแล้ว ส่วนที่ผู้เชี่ยวชาญมิได้ทำรายละเอียดรายงานเรื่องความเสียหายนั้น เมื่อตามคำท้าไม่ปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงกันให้ผู้เชี่ยวชาญทำรายละเอียดเรื่องความเสียหาย จึงเป็นเรื่องนอกเหนือคำท้า จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้ออ้างเพื่อปฏิเสธว่ากรณีไม่เป็นไปตามคำท้าไม่ได้ เมื่อผลการตรวจสอบอาคารของผู้เชี่ยวชาญสมประโยชน์แก่โจทก์ตามคำท้า การที่ศาลชั้นต้นไม่สืบพยานต่อไป และพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์ เลขที่ 31/26 อยู่ติดกับอาคารพาณิชย์ เลขที่ 31/27 ของจำเลย ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคม 2542 จำเลยกระทำละเมิดโจทก์ด้วยการต่อเติมอาคารพาณิชย์ของจำเลยเป็นเหตุให้เกิดการทรุดตัวของพื้นดินใต้อาคารจำเลย ทำให้อาคารของโจทก์ซึ่งใช้ผนังอาคาร เสา คาน และโครงสร้างอย่างอื่นร่วมกับอาคารจำเลยแตกร้าว เสาแยกออกจากกัน จนไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์จากการไม่ได้ใช้อาคารนับแต่วันละเมิดจนถึงวันฟ้องแก่โจทก์จำนวน 1,831,226.92 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ของต้นเงิน 1,591,839 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและค่าขาดประโยชน์จากการไม่ได้ใช้อาคารเดือนละ 10,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าอาคารหลังใหม่จะสร้างเสร็จพร้อมใช้งานได้
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์ เลขที่ 31/27 โดยซื้อมาจากบุคคลอื่นซึ่งได้มีการต่อเติมอาคารอยู่ก่อนแล้ว จำเลยมิได้เป็นผู้ก่อสร้างต่อเติมตามฟ้อง เหตุที่อาคารโจทก์ทรุดตัวเกิดจากโครงสร้างและการก่อสร้างของเจ้าของโครงการใช้วัสดุและโครงสร้างไม่เป็นไปตามแบบแปลนของวิศวกร และการใช้อาคารผิดประเภทของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความตกลงท้ากันว่า ให้ว่าที่ร้อยตรีณัฐ ศรีเฟื่องฟุ้ง ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาลในทางวิศวกรรมโยธาไปตรวจสอบความเสียหายของอาคาร เลขที่ 31/26 ของโจทก์ และเลขที่ 31/27 ของจำเลย หากผู้เชี่ยวชาญเบิกความประกอบการรายงานว่าความเสียหายของอาคารโจทก์ที่ได้รับเกิดจากการกระทำของจำเลย จำเลยยอมแพ้และยอมจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ตามความเสียหายที่ผู้เชี่ยวชาญรายงาน หากผู้เชี่ยวชาญรายงานว่า ความเสียหายของโจทก์ไม่ได้เกิดจากการกระทำของจำเลย โจทก์ยอมแพ้ โดยคู่ความไม่ติดใจสืบพยานอื่นอีกต่อไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 850,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันอ่านคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า โดยไม่ดำเนินการสืบพยานต่อไปชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า ผลการตรวจอาคารพิพาทของผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ระบุว่าเป็นการกระทำของจำเลยหรือไม่ และผู้เชี่ยวชาญมิได้ทำรายละเอียดรายงานเรื่องค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นควรที่จะมีคำสั่งให้สืบพยานแล้วมีคำพิพากษาตามรูปคดีต่อไปนั้น เห็นว่า ตามคำท้าที่โจทก์และจำเลยตกลงกันปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 26 มิถุนายน 2545 ว่า หากผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบความเสียหายของอาคาร เลขที่ 31/26 ของโจทก์ และเลขที่ 31/27 ของจำเลยแล้วมาเบิกความประกอบการรายงานว่า ความเสียหายของอาคารโจทก์ที่ได้รับเกิดจากการกระทำของจำเลย จำเลยยอมแพ้และยอมจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ตามความเสียหายที่ผู้เชี่ยวชาญรายงาน หากผู้เชี่ยวชาญรายงานว่า ความเสียหายของโจทก์ไม่ได้เกิดจากการกระทำของจำเลยโจทก์ยอมแพ้ ดังนั้น ในการพิจารณาว่าผลการตรวจสอบอาคารของผู้เชี่ยวชาญตรงตามคำท้าและสมประโยชน์ของคู่ความฝ่ายใดจึงต้องพิจารณาทั้งความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและคำเบิกความประกอบการรายงานของผู้เชี่ยวชาญประกอบกัน ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้เชี่ยวชาญได้ทำความเห็นต่อศาลว่า ได้ไปตรวจสอบอาคารพิพาทแล้วความเสียหายเกิดจากการเพิ่มน้ำหนักของอาคารพิพาท ค่าเสียหายของอาคารพิพาทของโจทก์เป็นเงินจำนวน 850,000 บาท ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ฉบับลงวันที่ 9 กันยายน 2545 และมาเบิกความประกอบการรายงานว่า อาคารพิพาททรุดตัวเกิดจากการต่อเติมของจำเลย เช่นนี้ ผลการตรวจสอบอาคารพิพาทของผู้เชี่ยวชาญจึงตรงตามคำท้าของคู่ความแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาอ้างว่าผู้เชี่ยวชาญมิได้ทำรายละเอียดรายงานเรื่องความเสียหายนั้น เมื่อตามคำท้าไม่ปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงกันให้ผู้เชี่ยวชาญทำรายละเอียดเรื่องความเสียหาย จึงเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากคำท้า จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้ออ้างเพื่อปฏิเสธว่ากรณีไม่เป็นไปตามคำท้าไม่ได้ เมื่อผลการตรวจสอบอาคารของผู้เชี่ยวชาญสมประโยชน์แก่โจทก์ตามคำท้า การที่ศาลชั้นต้นไม่สืบพยานต่อไป และพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมาจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นโดยขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วมีคำพิพากษาตามรูปคดีต่อไป จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 200 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2 (ก) แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเป็นเงิน 21,250 บาท จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เสียเกินมาแก่จำเลย”
พิพากษายืน ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาส่วนที่เสียเกินมาแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่คืนให้เป็นพับ.

(ประทีป เฉลิมภัทรกุล – เรวัตร อิศราภรณ์ – ศิริชัย จิระบุญศรี)

Share