คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5505/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์โดยต้องการนำที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งห้องเช่าไปสร้างศูนย์การค้าก็ถือว่าเป็นการจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิโจทก์ทั้งไม่ปรากฎว่าเป็นการกระทำเพื่อหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือเพื่อหาประโยชน์มาแบ่งปันกันจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา110หรือกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกจากห้องเช่าเลขที่ 626/88(49) ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสานกรุงเทพมหานคร และส่งมอบห้องเช่าดังกล่าวแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยห้ามเข้ามาเกี่ยวข้องอีกต่อไป
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเพื่อนำที่ดินไปสร้างศูนย์การค้า อันเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของมูลนิธิโจทก์ทั้งยังขัดต่อกฎหมายและความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน คณะกรรมการมูลนิธิโจทก์ไม่ได้อนุมัติให้ฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากห้องเลขที่ 626/88(49) แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานครและส่งมอบคืนให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายข้อแรกว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเพื่อนำที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งห้องเช่าไปสร้างศูนย์การค้า อันเป็นการกระทำเพื่อหากำไรเป็นการขัดต่อกฎหมายขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และขัดต่อวัตถุประสงค์ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 110 ที่ตรวจชำระใหม่บัญญัติว่า”มูลนิธิได้แก่ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้โดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลสาธารณะ การศาสนาศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดีการศึกษาหรือเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างอื่น โดยมิได้มุ่งหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน และได้จดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้
การจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิต้องมิใช่เป็นการหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลใดนอกจากเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นเอง”พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าซึ่งเป็นของโจทก์ แม้จะฟังว่าโจทก์ต้องการนำที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งห้องเช่าไปสร้างศูนย์การค้า ก็ถือได้ว่าเป็นการจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิโจทก์ ทั้งตามฎีกาของจำเลยก็ไม่ปรากฎว่าการสร้างศูนย์การค้านั้นเป็นการกระทำเพื่อหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือเพื่อหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 110 ดังนั้น โจทก์ชอบที่จะกระทำการดังกล่าวเพื่อหาผลประโยชน์มาดำเนินการกุศลทางพระพุทธศาสนาตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ได้ การกระทำของโจทก์มิได้ขัดต่อกฎหมายไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน โจทก์มีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share