แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์โจทก์เพราะเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าวแล้ว ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236 ดังนั้น คำร้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์เท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์นั่นเอง เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยคำร้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นจึงเป็นการไม่ชอบ และเมื่อเป็นกรณีเกี่ยวกับการรับหรือไม่รับอุทธรณ์ซึ่งถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์จึงฎีกาต่อมาอีกไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 499 ตำบลโพธิ์ไทรอำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นของโจทก์ให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวแก่โจทก์หากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทน ให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนเสาไม้แก่น จำนวน 6 ต้นรั้วและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท ห้ามจำเลยทั้งสามเข้ายุ่งเกี่ยวในที่ดินพิพาทอีกต่อไปหากจำเลยทั้งสามไม่ยอมรื้อถอน ยอมให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยทั้งสามเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ที่แก้ไขแล้ว ไม่รับอุทธรณ์
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ ต่อมาวันที่28 มกราคม 2535 โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งทั้งโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่เพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าวและศาลอุทธรณ์ภาค 1มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ดังนั้นคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่สั่งดังกล่าวจึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 คำร้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์นั้นเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์นั่นเอง เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ศาลชั้นต้นยกคำร้องชอบแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยคำร้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น จึงเป็นการไม่ชอบและเมื่อเป็นกรณีเกี่ยวกับการรับหรือไม่รับอุทธรณ์ซึ่งถึงที่สุดไปตามที่ได้กล่าวแล้ว โจทก์จึงฎีกาต่อมาอีกไม่ได้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 และยกฎีกาโจทก์คืนค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาให้โจทก์ ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ