คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช็คซึ่งให้ใช้เงินในเมืองเดียวกันกับที่ออกเช็ค ถ้าผู้ทรงเช็คไม่ยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันออกเช็คนั้น ก็ทำให้ผู้ทรงเช็คเสียสิทธิบางอย่างดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 940 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เท่านั้น ไม่ทำให้ผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ พ้นผิดไปด้วย
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 อันเป็นบริษัทนิติบุคคล จำเลยที่ 3 เป็นกรรมการของบริษัท จำเลยที่ 2 กับที่ 3 เซ็นชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คในามของบริษัทจำเลยที่ 1 ให้ใช้เงินสูงกว่าจำนวนที่มีอยู่ในบัญชีในขณะทีออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ดังนี้ จำเลยที่2,3 ย่อมได้ชื่อว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ออกเช็ครายนี้ จึงต้องมีความผิดในฐานเป็นตัวการด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคล จำเลยที่ ๒ เป็นกรรมการผู้จัดการ และจำเลยที่ ๓ เป้นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๔ จำเลยทั้ง ๓ ได้บังอาจร่วมกันออกเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด สั่งจ่ายเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ลงวันสั่งจ่าย ๓๑ มีนาคม ๒๕๐๔ และลงชื่อจำเลยที่ ๒-๓ เป็นผู้สั่งจ่าย และประทับตราของบริษัทจำเลยที่ ๑ (ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับธนาคาร) ให้แก่นายทรง คุนานุกร เป็นการชำระหนี้เงินที่ยืมไปใช้จ่ายในการดำเนินกิจการของบริษัท ต่อมาวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๐๔ นายทรงได้นำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารนั้น ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเงินในบัญชีของจำเลยนไม่พอจ่ายตามเช็ค นายทรงจึงแจ้งให้จำเลยที่ ๒-๓ ทราบ จำเลยก็ไม่นำเงินไปชำระ ทั้งนี้ โดยจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าที่มีอยู่ในบัญชีธนาคาร อันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็ค และโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๑
จำเลยทั้ง ๓ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามบทมาตราที่โจทก์อ้าง ให้จำคุกจำเลยที่ ๒-๓ คนละ ๒ เดือน และปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๒-๓ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
๑.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๔๐ ถ้าเป็นเช็คให้ใช้เงินในเมืองเดียวกันกับที่ออกเช็ค ผู้ทรงเช็คต้องยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันออกเช็คนั้น มิฉะนั้นผู้ทรงเช็คหมดสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่ผู้สลักหลัง และเสียสิทธิอันมีต่อผู้สั่งจ่ายเท่าที่จะเกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้สั่งจ่ายเพราะการที่ละเลยไม่ยื่นเช็คเสียภายในหนึ่งเดือนเท่านั้น ซึ่งหาเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น ดังเช่นที่ได้ความในคดีนี้ไม่ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การที่ผู้ทรงเช็คละเลยเช่นนั้น เพียงแต่ทำให้ผู้ทรงเช็คเสียสิทธิบางอย่างดังกล่าวแล้วเท่านั้น หาทำให้ผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯพ้นผิดไปด้วยไม่ ฎีกาของจำเลยที่ว่าผู้เสียหายนำเช็คไปเบิกเงินที่ธนาคารล่วงเลยวันที่สั่งจ่ายสองเดือนเศษ ผู้เสียหายในฐานะผู้ทรงเช็คจึงต้องเสียสิทธิที่มีต่อจำเลยที่ ๑ ในอันจะเป็นความผิดแก่ผู้สั่งจ่ายเช็คไปตามกฎหมายด้วยนั้น จึงฟังไม่ขึ้น
๒.การดำเนินกิจการอันเป็นความประสงค์ของบริษัท ย่อมแสดงจากผู้แทนทั้งหลายของบริษัทนั้น จำเลยที่ ๒ เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทจำเลยที่ ๑ และมีอำนาจสั่งจ่ายเงินในเช็คแทนบริษัทร่วมกับจำเลยที่ ๑ หรือกรรมการอีกคนหนึ่งตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับธนาคาร เมื่อจำเลยที่ ๒ กับที่ ๓ ได้เซ็นชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คให้ใช้เงินสูงกว่าจำนวนที่มีอยู่ในบัญชีในขณะที่ออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นแล้ว ก็ได้ชื่อว่าจำเลยที่ ๒ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ออกเช็ครายนี้ จึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการด้วย ฎีกาจำเลยที่อ้างว่าบริษัทจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ออก จำเลยที่ ๒,๓ เป็นผู้เซ็นชื่อสั่งจ่ายในเช็คตามระเบียบข้อบังคับของบริษัท มิได้หมายความว่าจำเลยที่ ๒,๓ เป็นผู้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินนั้น ก็ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share