คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นบุตรเขยของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่บุพการีของจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรสาวโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นสามีฟ้องแย้งขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาทอันเป็นสินสมรสได้ ก็ไม่ถือว่าจำเลยที่ 1 ฟ้องคดีด้วยเพราะจำเลยที่ 2ฟ้องคดีในนามของตนเอง ไม่ได้ฟ้องแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562 จำเลยที่ 2 มีอำนาจฟ้องแย้ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นมารดาของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2เป็นสามีของจำเลยที่ 1 เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 385 เนื้อที่ 20 ไร่3 งาน 84 ตารางวาเป็นของโจทก์ ต่อมาโจทก์นำที่ดินแปลงดังกล่าวไปขายฝากไว้กับนายโสภณ โจทก์ไม่ได้ไถ่ถอนคืนภายในกำหนด ที่ดินดังกล่าวมีราคาสูงกว่าจำนวนเงินที่ขายฝากไว้ โจทก์จึงขอซื้อคืนจากนางอนงค์ทายาทของนายโสภณ เมื่อนางอนงค์ยอมขายคืนให้โจทก์ไม่มีเงินพอซื้อจึงขอยืมเงินจำเลยทั้งสองเพื่อชำระราคาที่ดินโดยเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2517 โจทก์มอบหมายให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวคืนและลงชื่อเป็นผู้รับโอนแทนโจทก์ จำเลยทั้งสองตกลงว่าหากโจทก์นำเงินที่ยืมมาคืนแก่จำเลยทั้งสองเมื่อใดจำเลยทั้งสองจะโอนที่ดินดังกล่าวคืนแก่โจทก์ ต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองโอนที่ดินคืนแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองไปถอนชื่อออกจากโฉนดที่ดินเลขที่ 385 และใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามขอให้เอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การและจำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งว่า เดิมที่พิพาทเป็นของโจทก์ ต่อมาโจทก์เอาที่พิพาทไปขายฝากและไม่ไถ่ถอนคืนภายในกำหนด แต่โจทก์ขออาศัยอยู่ในที่พิพาทเรื่อยมา เมื่อผู้รับซื้อฝากถึงแก่กรรม ทายาทของผู้รับซื้อฝากไม่ยอมให้โจทก์อยู่อาศัยต่อไป จำเลยทั้งสองเห็นว่าโจทก์เดือดร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัยจึงได้ติดต่อขอซื้อที่พิพาทไว้ จำเลยทั้งสองได้ซื้อและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เป็นของจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2517จำเลยทั้งสองให้โจทก์อยู่อาศัยในที่พิพาทและให้เงินจุนเจือมาตลอดโจทก์ไม่เคยแจ้งขอที่พิพาทคืนและไม่เคยเสนอคืนเงินใด ๆ จำเลยที่2 ไม่ประสงค์ให้โจทก์และครอบครัวอยู่อาศัยและใช้ที่พิพาททำประโยชน์อีกต่อไป ขอให้ยกฟ้องของโจทก์ ให้โจทก์และบริวารออกไปจากที่พิพาทโฉนดเลขที่ 385
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งยืนยันตามฟ้องเดิม และให้การด้วยว่าฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 เคลือบคลุม ทั้งฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2เป็นคดีอุทลุม เพราะจำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 ที่ให้ความยินยอมแก่จำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์และบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 385 เลขที่ดิน 38 ตำบลหนองตำลึง อำเภอพานทอง (ท่าตะกูด) จังหวัดชลบุรี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีดังนี้… ประการที่สอง การฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ให้ความยินยอมเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562 หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นบุตรเขยของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่บุพการีของจำเลยที่ 2การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรสาวโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 2ผู้เป็นสามีฟ้องแย้งขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาทอันเป็นสินสมรสได้ก็ไม่ถือว่าจำเลยที่ 1 ฟ้องคดีด้วย เพราะจำเลยที่ 2 ฟ้องคดีในนามของตนเองไม่ได้ฟ้องแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562 จำเลยที่ 2 มีอำนาจฟ้องแย้ง…”
พิพากษายืน

Share