คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5501/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำสั่งระหว่างพิจารณาจะต้องพิจารณาจากคดีเดิมเป็นสำคัญ เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้งดการพิจารณาคดีชั่วคราวและให้งดสืบพยานจำเลยไม่ชอบนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการดำเนินคดีของศาลชั้นต้น จึงเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เรื่องผิดสัญญาเล่นแชร์รวมเป็นเงิน 11,812.50 บาท จำเลยให้การต่อสู้ ขอให้ยกฟ้อง สืบพยานโจทก์เสร็จแล้วสืบพยานจำเลยได้ 2 ปาก ต่อมาวันที่ 13 กรกฎาคม 2543 ซึ่งเป็นนัดสืบพยานจำเลยนัดที่ 4 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการพิจารณาคดีชั่วคราวโดยอ้างเหตุว่าได้ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในคดีอาญาที่ศาลจังหวัดชลบุรีซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวพันกันและแถลงว่าวันนี้ไม่มีพยานมาสืบ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า คดีอาญาที่จำเลยอ้างว่าฟ้องโจทก์เป็นคนละประเด็นกับคดีนี้ จึงไม่อนุญาตให้งดการพิจารณาคดีชั่วคราว และวันนี้จำเลยมีหน้าที่จะต้องเตรียมพยานมาสืบ เมื่อไม่นำพยานมาสืบจึงให้งดสืบพยานจำเลยศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาทต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคหนึ่ง การอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำสั่งระหว่างพิจารณาจะต้องพิจารณาจากคดีเดิมเป็นสำคัญ ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้งดการพิจารณาคดีชั่วคราวและให้งดสืบพยานจำเลยไม่ชอบนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการดำเนินคดีของศาลชั้นต้น จึงเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าวแม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ และคดีไม่อาจขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย”

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกอุทธรณ์และยกฎีกาของจำเลย

Share