แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสามในฐานะทายาทโดยธรรมของ ท. ให้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองที่ ท. ได้จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เงินกู้ไว้หลังจากที่ ท. ถึงแก่ความตายไปแล้วเกิน1 ปี ซึ่งทำให้คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 วรรคสาม ก็ตาม แต่โจทก์ผู้รับจำนองยังสามารถใช้สิทธิบังคับให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้โจทก์เอาจากทรัพย์สินที่จำนองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/27
แม้จะไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ทนายโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนอง แต่เมื่อทนายโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์และโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองที่ทนายโจทก์ได้บอกกล่าวในนามของโจทก์แล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 และถือว่าได้มีการบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทั้งสามแล้ว
ท. เป็นหนี้โจทก์อยู่และถึงแก่ความตายลง จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของ ท. ย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับชำระหนี้เอาจากจำเลยทั้งสามในฐานะทายาทโดยธรรมได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ได้รับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1601 ส่วนการที่จำเลยทั้งสามจะได้รับมรดกของ ท. และท. จะมีทรัพย์มรดกหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันในชั้นบังคับคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางทองคำ มัสสะ กู้ยืมเงินโจทก์จำนวน 200,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี โดยนำที่ดินมาจำนองเป็นประกันกำหนดชำระหนี้เงินกู้คืนโจทก์ภายใน 1 ปี หลังทำสัญญานางทองคำผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์ทวงถามแล้วนางทองคำไม่ชำระ ต่อมาโจทก์ทราบว่านางทองคำถึงแก่ความตาย โจทก์จึงมอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองแต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามในฐานะทายาทของนางทองคำร่วมกันชำระเงินจำนวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 7520 ตำบลกระโทก อำเภอโชคชัยจังหวัดนครราชสีมา ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามเป็นทายาทของนางทองคำ มัสสะจริง แต่ไม่ใช่ทายาทผู้ได้รับมรดก จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ การบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบเพราะนางสาวรุ่งสุรีย์ อยู่บุญสุขไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์เป็นหนังสือ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องหากฟังว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง โจทก์ก็ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยทั้งสามรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกของนางทองคำที่จำเลยทั้งสามได้รับซึ่งขณะนี้จำเลยทั้งสามมิได้รับมรดกของนางทองคำ ทั้งนางทองคำมีทายาทหลายคน จำเลยทั้งสามอาจไม่ได้รับมรดก จึงไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ นอกจากนี้นางทองคำถึงแก่ความตายตั้งแต่เดือนสิงหาคม2540 และโจทก์ทวงถามหนี้จากผู้ตายตลอดมา จึงควรทราบเรื่องการตายของนางทองคำ การที่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 10 กันยายน2542 คดีจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 13 มีนาคม 2538 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 10 กันยายน 2542) ต้องไม่เกินจำนวน 100,000 บาท ตามที่โจทก์ขอแต่จำเลยทั้งสามไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกของนางทองคำ มัสสะ ที่ตกทอดได้แก่ตน หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 7520 ตำบลกระโทก อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามในประการแรกว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามในฐานะทายาทโดยธรรมของนางทองคำผู้ตายให้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองที่นางทองคำได้จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เงินกู้ไว้ แม้หากจะฟังข้อเท็จจริงเป็นดังที่จำเลยทั้งสามนำสืบว่า โจทก์ฟ้องคดีหลังจากนางทองคำถึงแก่ความตายไปแล้วเกิน 1 ปี คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754วรรคสาม แล้วก็ตาม แต่บทบัญญัติดังกล่าวยกเว้นมิให้ใช้บังคับในกรณีสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามมาตรา 193/27 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้รับจำนองผู้รับจำนำ ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วง หรือผู้ทรงบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้อันตนได้ยึดถือไว้ ยังคงมีสิทธินั้นบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนอง จำนำ หรือที่ได้ยึดถือไว้แม้ว่าสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานจะขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่จะใช้สิทธินั้นบังคับให้ชำระดอกเบี้ยที่ค้างย้อนหลังเกินห้าปีขึ้นไปไม่ได้ เห็นได้ว่า แม้คดีขาดอายุความแล้วก็ดี แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/27 ก็ยังยอมให้โจทก์ผู้รับจำนองใช้สิทธิบังคับเอาจากทรัพย์สินที่จำนองได้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามในฐานะทายาทโดยธรรมของนางทองคำเพื่อชำระหนี้โจทก์จากทรัพย์สินที่จำนองได้ ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามประการที่สองว่า การบอกกล่าวบังคับจำนองชอบหรือไม่ นั้น เห็นว่า แม้จะไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้มอบอำนาจโดยทำเป็นหนังสือแก่นางสาวรุ่งสุรีย์ อยู่บุญสุขทนายโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนอง แต่เมื่อนางสาวรุ่งสุรีย์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์และโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองที่นางสาวรุ่งสุรีย์ได้บอกกล่าวในนามของโจทก์แล้วย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823และถือว่าโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทั้งสามแล้วฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามประการสุดท้ายว่า จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใดนั้น เห็นว่านางทองคำผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่และถึงแก่ความตายลง จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับชำระหนี้เอาจากจำเลยทั้งสามในฐานะทายาทโดยธรรมได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ได้รับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1601 ดังนั้น จำเลยทั้งสามจะได้รับมรดกของผู้ตาย และผู้ตายจะมีทรัพย์มรดกหรือไม่เป็นเรื่องต้องว่ากันในชั้นบังคับคดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน