คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5476/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ทนายจำเลยได้ลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดพร้อมของศาลซึ่งเป็นการนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินคดีตามข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2540 แต่เมื่อถึงกำหนดนัดดังกล่าว ทนายจำเลยไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่มาศาลไม่ได้ให้ศาลทราบก่อนวันนัด อีกทั้งไม่ได้มอบฉันทะให้ผู้ใดมาแจ้งในวันนัด คงมีแต่ทนายโจทก์มาศาล ย่อมเห็นได้ว่าเป็นความผิดของทนายจำเลยเอง ดังนั้นจำเลยจะยกเอาเหตุที่ตนติดว่าความที่ศาลอื่นซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้วว่าเป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ตาม มาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาเพื่อขอเลื่อนคดีไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 486,878.63 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 481,633.45 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 481,633.45 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องต้องไม่เกินจำนวน 5,245.18 บาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลย ประการแรกว่า มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ทนายจำเลยมายื่นคำให้การจำเลยเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2542 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งว่า รับคำให้การจำเลย สำเนาให้โจทก์ นัดพร้อม และหมายแจ้งวันนัดให้โจทก์ทราบ ซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้นัดพร้อมในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2542 เวลา 9 นาฬิกา และทนายจำเลยได้ลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดพร้อมดังกล่าวในคำให้การจำเลย โดยทนายจำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าในวันนัดพร้อมนั้น ทนายจำเลยไม่อาจมาศาลได้ แสดงว่าทนายจำเลยพร้อมที่จะมาศาลในวันนัดพร้อมนั้นได้ แต่เมื่อถึงวันนัดพร้อมดังกล่าว ทนายจำเลยกลับไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่มาศาลไม่ได้ให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางทราบก่อนวันนัดหรือมอบฉันทะให้ผู้ใดมาแจ้งในวันนัดพร้อมแต่อย่างใด คงมีแต่ทนายโจทก์มาศาล ย่อมเห็นได้ว่าเป็นความผิดของทนายจำเลยเอง ดังนั้นทนายจำเลยจึงยกเอาเหตุที่ตนไม่อาจมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้โดยอ้างเหตุที่ตนติดว่าความที่ศาลอื่นซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้วว่าเป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาเพื่อขอเลื่อนคดีไม่ได้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้เพิกถอนคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยของศาลทรัพยสินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2542 และให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่โดยนัดสืบพยานหลักฐานของจำเลยแล้วพิพากษาไปตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.

Share