แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญาและขอให้เพิ่มโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 72 จำเลยให้การรับว่าข้อเคยต้องโทษตามฟ้องนั้น จำเลยได้รับนิรโทษกรรมตาม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ศ. 2489 แล้ว ดังนี้เท่ากับเถียงว่าเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ โจทก์จึงต้องมีหน้าที่นำสืบ เมื่อโจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยาน ศาลก็เพิ่มโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
คดีมีปัญหาสู่ศาลฎีกาในเรื่องเพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบว่า ตามฟ้องและคำให้การรับและข้ออ้างของจำเลยนั้น จะเพิ่มโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๗๒ ได้หรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยเป็นเงิน ๒๐๐ บาทตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๓๔, ๖๒ ลดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๕๙ กิ่งหนึ่งคงปรับ ๑๐๐ บาท แต่ส่วนข้อเพิ่มโทษยังเพิ่มไม่ได้ ให้ยกเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ข้อให้เพิ่มโทษจำเลยต่อมา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว ตามข้อหาโจทก์เรื่องเพิ่มโทษจำเลยนี้ โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยเคยต้องโทษมาแล้วตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง พ้นโทษไปไม่เกิน ๕ ปี มากระทำผิดในคดีนี้อีก ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องปรากฎว่า จำเลยต้องโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๐๕ จำเลยให้การรับว่าข้อเคยต้องโทษตามฟ้องนั้น จำเลยได้รับนิรโทษกรรมตาม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ศ. ๒๔๘๙ แล้ว หรือเท่ากับเถียงว่าเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ โจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยาน ดังนี้ โจทก์ต้องมีหน้าที่สืบพยานเมื่อโจทก์ไม่นำสืบพยาน ก็เพิ่มโทษจำเลยไม่ได้
จึง พิพากษายืน