คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5462/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าจะเอาเงินไปให้ผู้พิพากษาจะกระทำนอกบริเวณศาลแต่การอ้างเช่นว่านั้นก็เพื่อเป็นอามิสสินจ้างในการดำเนินคดีในศาลผลที่เกิดขึ้นจึงมุ่งหมายให้มีผลในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลย่อมถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลโดยเฉพาะคดีนี้ยังมีการทวงถามเงินดังกล่าวในบริเวณศาลอันเป็นการกระทำต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของการเรียกเงินจากผู้กล่าวหาด้วยจึงเป็นการละเมิดอำนาจศาล

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากนายหล่อ ศรีวิเชียร ผู้กล่าวหาถูกผู้กล่าวหาต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้กล่าวหาเคยว่าจ้างให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นทนายความในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 79/2536 หมายเลขแดงที่ 63/2536 คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 483/2535 หมายเลขแดงที่470/2535 ในการดำเนินคดีทั้งสองสำนวนดังกล่าวหาเรียกค่าจ้าง140,000 บาท ผู้กล่าวหาข้อต่อรองเป็นเงิน 70,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมอ้างว่าต้องเอาไปให้พนักงานอัยการ 30,000 บาทผู้พิพากษา 2 คน คนละ 30,000 บาท ผู้กล่าวหาหลงเชื่อจึงยอมตกลงและจ่ายเงินให้ในชั้นแรก 40,000 บาท ส่วนที่เหลือ 100,000 บาทผู้ถูกกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทำสัญญากู้ไว้ขอให้ลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาล
ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) จึงมีคำสั่งให้ลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 33 มีกำหนด 3 เดือน
ผู้ถูกกล่าวหา อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ถูกกล่าวหา ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้การอ้างว่าจะเอาเงินไปให้ผู้พิพากษาจะกระทำนอกบริเวณศาล แต่การอ้างเช่นนั้นก็เพื่อเป็นอามิสสินจ้างในการดำเนินคดีในศาล ผลที่เกิดขึ้นจึงมุ่งหมายให้มีผลในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ย่อมถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล โดยเฉพาะคดีนี้ยังมีการทวงถามเงินดังกล่าวในบริเวณศาลอันเป็นการกระทำต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของการเรียกเงินจากผู้ถูกกล่าวหาด้วย จึงเป็นการละเมิดอำนาจศาลโดยแจ้งชัด
พิพากษายืน

Share