คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5450/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เรียกค่าเสียหายและเบี้ยปรับจากการที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกับโจทก์ และเรียกให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืนเนื่องจากจำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดสัญญาให้การสนับสนุนการปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการ โดยไม่ปรากฏว่ามีกรณีพิพาทเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ หรือสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ สัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมก็ไม่ปรากฏว่ามีข้อสัญญาให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์อยู่ในสัญญาดังกล่าว ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีข้อตกลงเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายบริการของโจทก์ตามสัญญายืมทรัพย์สิน อุปกรณ์การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำหรับผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเอกสารท้ายอุทธรณ์นั้น ก็เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มิได้อ้างมาในฟ้อง เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย คดีนี้จึงมิใช่คดีเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าหรือสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าตามนัยมาตรา 7 (3) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ ดังนี้ ค่าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ค้างชำระและค่าปรับ ในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน รวมเป็นเงิน 520,793.89 บาท ค่าปรับจากการซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นต่ำกว่ายอดการรับรองและค่าธรรมเนียม รวมเป็นเงิน 149,125.57 บาท ค่าเงินคืนที่โจทก์ให้ความช่วยเหลือกับทั้งดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน 6,484,192.28 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,154,117.74 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องโจทก์นั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์ โจทก์เรียกค่าเสียหายและเบี้ยปรับจากการที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกับโจทก์ ประการหนึ่ง และโจทก์เรียกให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืนเนื่องจากจำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดสัญญาให้การสนับสนุนการปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการ อีกประการหนึ่ง สัญญาทั้งสองฉบับนั้น ฉบับแรกมีสาระสำคัญเป็นเรื่องของการซื้อขายผลิตภัณฑ์น้ำมันของโจทก์กับจำเลยที่ 1 ส่วนฉบับที่สองเป็นเรื่องข้อตกลงที่โจทก์ช่วยเหลือด้านการเงินแก่จำเลยที่ 1 ในการปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการของจำเลยที่ 1 ซึ่งต่อมาโจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาทั้งสองฉบับทำให้โจทก์เสียหาย และโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืนด้วย โดยไม่ปรากฏว่ามีกรณีพิพาทเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ หรือสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามนัยมาตรา 7 (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 แต่ประการใด ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าตามสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีข้อสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นสาระสำคัญรวมอยู่ด้วยนั้น เมื่อตรวจดูสำเนาสัญญาผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ที่แนบมาท้ายฟ้องแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่ามีข้อสัญญาให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์อยู่ในสัญญาดังกล่าว ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีข้อตกลงเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายบริการของโจทก์ ตามสัญญายืมทรัพย์สิน อุปกรณ์การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำหรับผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ก็เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มิได้อ้างมาในฟ้อง เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย เมื่อสัญญาทั้งสองฉบับตามที่โจทก์อ้างมาในฟ้องอันเป็นมูลเหตุที่โจทก์เรียกค่าเสียหาย เบี้ยปรับ และให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืนแก่โจทก์นั้น เป็นสัญญาที่มีข้อตกลงในสาระสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายปิโตรเลียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และการที่โจทก์ให้การสนับสนุนการปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการของจำเลยที่ 1 โดยไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการของโจทก์อยู่ด้วย คดีนี้จึงมิใช่คดีเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าหรือสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในเครื่องหมายการค้าตามนัยมาตรา 7 (3) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่โจทก์อุทธรณ์ คดีของโจทก์จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share