แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้พิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของ ค.ภรรยาของจำเลยในเอกสารใบมอบอำนาจว่า ถ้าเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของ ค.จริงจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่ใช่โจทก์ยอมแพ้ โจทก์และจำเลยต่างสละข้อต่อสู้อื่นทั้งหมด และในวันเดียวกันนั้นเองศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์และจำเลยวางเงินค่าตรวจพิสูจน์ฝ่ายละ 2,000 บาท ภายใน 20 วัน นับแต่วันสั่ง ถ้าฝ่ายใดไม่วางเงินภายในกำหนดเวลาก็ให้ถือว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้คดี ดังนี้แม้จำเลยมิได้วางเงินดังกล่าวภายในกำหนด ก็หามีผลทำให้จำเลยตกเป็นฝ่ายแพ้คดีเพราะการไม่วางเงินตามคำสั่งศาลชั้นต้นไม่ เพราะการที่ฝ่ายใดไม่วางเงินให้ถือว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้นเป็นเรื่องนอกเหนือที่คู่ความท้ากัน ศาลชั้นต้นจะนำมาเป็นเหตุวินิจฉัยให้จำเลยแพ้คดีหาได้ไม่ คำท้ายังมีผลบังคับได้ต่อไป เมื่อกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจได้ตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือนั้นว่าไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของ ค. โจทก์จึงต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขายที่นาพิพาทให้โจทก์แล้วโจทก์ให้จำเลยเช่าทำนาต่อมาโจทก์ประสงค์จะทำนาเองจึงแจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยกลับเข้าไปไถที่นาดังกล่าวและหว่านกล้า จึงขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารพร้อมกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่าไม่เคยขายนาให้โจทก์ แต่มอบไว้เป็นประกันการกู้ยืมเงินจากโจทก์ จำเลยครอบครองนาพิพาทมาโดยตลอด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ในวันนัดสืบพยานจำเลยเมื่อวันที่ ๒๕พฤษภาคม ๒๕๒๕ โจทก์และจำเลยตกลงท้ากันให้พิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของนางคำ ทองมี ภรรยายจำเลยซึ่งพิมพ์ไว้ในช่องลายพิมพ์นิ้วมือของผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.๔ ว่า ถ้าเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของนางคำจริง จำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของนางคำ โจทก์ยอมแพ้ โจทก์และจำเลยต่างสละข้อต่อสู้อื่นทั้งหมด และในวันเดียวกันนั้นเอง ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์และจำเลยวางเงินค่าตรวจพิสูจน์ฝ่ายละ ๒,๐๐๐ บาท ภายใน ๒๐ วันนับแต่วันสั่ง ถ้าฝ่ายใดไม่วางเงินภายในเวลากำหนดก็ให้ถือว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้คดี
เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๒๕ ศาลชั้นต้นส่งเอกสารดังกล่าวไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือนางคำตามที่ท้ากัน
ต่อมาวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๒๕ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยมิได้วางเงินจำนวน ๒,๐๐๐ บาทภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๕
ครั้นวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๒๕ กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ส่งผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของนางคำมาให้ศาลชั้นต้น
ในวันนัดอ่านคำพิพากษา แต่ก่อนอ่านคำพิพากษา จำเลยซึ่งได้ยื่นคำแถลงลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๒๕ ขอวางเงินค่าธรรมเนียมการตรวจพิสูจน์นั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือได้ส่งมาแล้ว จำเลยถือโอกาสวางเงินเพื่อเอาประโยชน์จากคำท้า ให้ยกคำแถลงของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์และจำเลยตกลงท้ากันแล้ว และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับลายพิมพ์นิ้วมือของนางคำไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจเพื่อพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือตามคำท้า ต่อมาแม้จำเลยมิได้วางเงินค่าตรวจพิสูจน์ภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ก็ดี หามีผลทำให้จำเลยตกเป็นฝ่ายแพ้คดีเพราะการไม่วางเงินค่าตรวจพิสูจน์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่ เพราะการที่ฝ่ายใดไม่ว่างเงินให้ถือว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้นเป็นเรื่องนอกเหนือที่คู่ความท้ากัน ศาลชั้นต้นจะนำมาเป็นเหตุวินิจฉัยให้จำเลยแพ้คดีหาได้ไม่ คำท้ายังมีผลบังคับได้ต่อไป เมื่อกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจได้ตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.๔ ว่า ลายพิมพ์นิ้วมือไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของนางคำ โจทก์จึงต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน