คำสั่งคำร้องที่ 1236/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยยื่นฎีกา ภายในกำหนด แต่ฎีกาจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จึงไม่รับฎีกาจำเลย จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปี 8 เดือน เป็นการลงโทษจำคุกเกินกว่าห้าปี จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและ ฐานจำหน่ายเฮโรอีน ให้จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมสองกระทง เป็นจำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและ ชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็น เหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยไว้ 6 ปี 8 เดือน ริบเฮโรอีนของกลางและคืนธนบัตรของกลางที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 144) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 145)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับฐานจำหน่ายเฮโรอีน เป็นความผิดคนละกระทงคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกฎีกาจำเลยเป็นการโต้เถียงดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาโดยบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share