คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อให้ลูกหนี้ชำระหนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งศาลเป็นที่สุดตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/17 วรรคสอง ต้องเป็นคดีที่เจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้ต่อศาลที่ไม่มีเขตอำนาจพิจารณา และไม่รวมถึงการฟ้องบุคคลที่ไม่ใช่ลูกหนี้อันเป็นการฟ้องผิดตัวด้วย เพราะมีผลเป็นการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 262,331.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 250,500 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าอะไหล่รถยนต์เป็นเงิน 115,000 บาท และค่าแรงซ่อมรถยนต์เป็นเงิน 55,000 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2548 และวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548 ตามลำดับ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ โดยโจทก์อ้างว่า การที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมที่ศาลแขวงธนบุรีภายในกำหนดอายุความเรื่องละเมิด และต่อมาได้ขอแก้ไขคำฟ้องในส่วนชื่อสกุลกับที่อยู่ของจำเลยทำให้คดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลแขวงธนบุรี ศาลจึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีให้โจทก์ไปยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณา โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายในกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่ศาลแขวงธนบุรีมีคำสั่ง ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/17 วรรคสอง คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนยื่นฟ้องคดีเดิมต่อศาลแขวงธนบุรีโจทก์ทำหนังสือไปทวงถามจำเลยตามสำเนาหนังสือทวงถามและไปรษณียบัตรตอบรับตามลำดับ โดยหนังสือดังกล่าวทำถึงนายสมศักดิ์ ผู้ที่กระทำละเมิดต่อเจ้าของรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้ และส่งไปที่บ้านเลขที่ 56/3 ซอยท่ากลาง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร แต่การยื่นฟ้องต่อศาลแขวงธนบุรีโจทก์กลับระบุชื่อจำเลยว่า นายสมศักดิ์ และขอให้ส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลยที่บ้านเลขที่ 12 ซอยเจริญนคร 74 แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งนายสมศักดิ์ ไม่ได้เป็นผู้ที่กระทำละเมิดต่อเจ้าของรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยและเป็นบุคคลคนละคนกับจำเลยคดีนี้ จึงเป็นการที่โจทก์ฟ้องผิดตัวบุคคล และเห็นได้ว่า การที่ศาลแขวงธนบุรีอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้อง แต่เห็นว่ามูลคดีเกิดนอกเขตอำนาจศาล และตัวจำเลยก็มีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาล จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องและให้จำหน่ายคดี เพื่อให้โจทก์นำคดีไปฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจต่อไป ไม่ใช่กรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลและอายุความครบกำหนดไปแล้วในระหว่างการพิจารณา ซึ่งเจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อให้ลูกหนี้ชำระหนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งศาลเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/17 วรรคสอง ซึ่งต้องเป็นคดีที่เจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้ต่อศาลที่ไม่มีเขตอำนาจพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งลักษณะ 2 หมวด 1 และไม่รวมไปถึงการฟ้องบุคคลที่ไม่ใช่ลูกหนี้อันเป็นการฟ้องผิดตัวบุคคลด้วย เพราะมีผลเป็นการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลย อันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67 (2) (3) วรรคหนึ่ง และมาตรา 179 ประกอบกับการที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องในคดีเดิมเพื่อให้เป็นฟ้องถูกตัวบุคคลเห็นได้ว่าเกิดจากความบกพร่องของโจทก์เอง และขณะที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว โจทก์จะอ้างเอาผลจากการที่ศาลแขวงธนบุรีอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องซึ่งเป็นการเปลี่ยนตัวจำเลยในคดีดังกล่าวเพื่อขยายอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/17 วรรคสอง หาได้ไม่ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความนั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์ต่อไป
พิพากษายืน จำเลยไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความให้

Share