คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5450/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่มีการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์นั้น เมื่อผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์หรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ คำสั่งของศาลอุทธรณ์นั้นเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืม ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานในกำหนดเวลาเป็นเหตุให้ศาลไม่รับ บัญชีระบุพยานของจำเลย จำเลยได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสัญญากู้ขึ้นใหม่จากนายวันชัย นันทสุรศักดิ์ หากศาลอนุญาตให้จำเลยนำนายวันชัยเข้าสืบจะเป็นประโยชน์ในข้อเท็จจริง และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเลยขอยื่นบัญชีระบุพยานมาพร้อมคำร้องนี้ ขอศาลได้อนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๘ จำเลยจะต้องยื่นระบุบัญชีพยานไม่น้อยกว่า ๓ วัน ก่อนสืบพยานหากทราบความมีอยู่พยานภายหลังจากสืบพยานไปแล้ว จึงชอบที่จะระบุเพิ่มเติมจำเลยมิได้ระบุพยานจึงไม่มีเหตุที่จะรับบัญชีระบุพยานของจำเลย ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ ไม่รับอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ (๑) ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๓๔ บัญญัติว่า “ถ้าศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ ผู้รับอุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์” และมาตรา ๒๓๖ บัญญัติว่า “เมื่อคู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ ให้ศาลส่งคำร้องเช่นว่านั้นไปยังศาลอุทธรณ์
โดยไม่ชักช้าพร้อมด้วยคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีของศาลชั้นต้นและฟ้องอุทธรณ์ ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นเป็นการจำเป็นที่จะต้องตรวจสำนวน ให้มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ ในกรณีเช่นนี้ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องแล้วมีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นหรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ คำสั่งนี้ให้เป็นที่สุดแล้วส่งสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นอ่าน เห็นว่าตามมาตรา ๒๓๖ บัญญัติไว้ชัดว่าในกรณีที่มีการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์นั้น เมื่อผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ก็ดี หรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ก็ดี ให้คำสั่งของศาลอุทธรณ์นั้นเป็นที่สุด กล่าวคือจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์นั้นไม่ได้ ฉะนั้นคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในคดีนี้ที่สั่งยืนตามศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จึงเป็นคำสั่งถึงที่สุดตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๖ จำเลยจึงฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ได้
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย โจทก์ไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความในชั้นฎีกาให้

Share