คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานขับรถยนต์โดยประมาทและหยุดรถในที่คับขัน ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2477 ม.14,29,66 แต่ปรากฎว่ามาตรา 66 นี้ถูกยกเลิกโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2481 มาตรา 4 เสียแล้ว แม้โจทก์จะมิได้อ้างถึงกฎหมายปี พ.ศ. 2481 ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายเสียเปรียบในเชิงคดี และจะถือว่าโจทก์ฟ้องความมิได้อ้างบทก็ไม่ได้ เพราะโจทก์อ้างไว้แล้วแต่ไม่ถูกบท โดยบทที่อ้างได้มีการเปลี่ยนแปลงให้อำนาจเจ้าพนักงานมากขึ้นเท่านั้น ส่วนโทษปรับมิได้เปลี่ยนแปลง

ย่อยาว

เรื่อง ขับรถยนต์โดยประมาทและหยุดรถในที่คับขัน
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทและหยุดรถในที่คับขัน ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ ม.๑๔,๒๙,๖๖ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๔๗๗ ม.๑๖,๖๖ ตามฟ้องศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ปรับ ๘๐ บาท ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๘๑ ม.๔ แต่ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ ม.๖๖ นี้ได้ถูกยกเลิกโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ ม.๔ เสียแล้ว เช่นนี้ ศาลจะลงโทษปรับจำเลยได้หรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์อ้างมาตรา ๖๖ แห่ง กฎหมาย ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ซึ่งเป็นบทลงโทษ แต่ความในม. ๖๖ นี้ถูกยกเลิกตามกฎหมายปี พ.ศ. ๒๔๘๑ โดยใช้ข้อความอย่างเดียวกัน มีผิดกันแต่เพียงให้นายทะเบียนยึดใบอนุญาตขับขี่ได้นานกว่ากฎหมายฉบับแรกเท่านั้น เช่นนี้แม้โจทก์จะมิได้อ้างถึงกฎหมาย พ.ศ. ๒๔๘๑ ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหายเสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด และจะถือว่าโจทก์ฟ้องความมิได้อ้างบทก็ไม่ได้ เพราะโจทก์อ้างไว้แล้วแต่ไม่ถูกโดยบทที่อ้างได้มีการเปลี่ยนแปลงให้อำนาจเจ้าพนักงานมากขึ้นเท่านั้น ส่วนโทษปรับมิได้เปลี่ยนแปลง จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share