คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การสอบสวนความผิดทางอาญานั้น แม้เดิมจะตั้งข้อหาฐานหนึ่ง แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฎว่า เป็นความผิดฐานอื่น ด้วย ก็เรียกได้ว่า ได้มีการสอบสวนในความผิดฐานอื่นนั้นด้วยแล้ว ไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อหาในความผิดฐานอื่นนั้น แก่ผู้ต้องหาอีก ก็ถือว่าการสอบสวนนั้นสมบูรณ์แล้ว./

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๓๕ (๑๓), ๑๑๖, และ มาตรา ๑๒๐ ให้รวม กะทงลงโทษจำคุกจำเลย ๑ เดือน ปรับ ๕๐ บาท โทษจำคุกให้ยกเสีย และยกข้อหาฐานหลบหนีการควบคุม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดฐานหมื่นประาทเจ้าพนักงาน ตามคำจำเลยชั้นสอบสวน ไม่ปรากฎว่ามีการแจ้งข้อหาฐานนี้ รวมอยู่ด้วย จำเลยจิงมิได้ถูกสอบสวนไว้ จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามมาตรา ๑๒๐ และมาตรา ๓๓๕ (๑๓) ยกข้อหาฐาน หมิ่นประมาทเสีย ข้อกำหนดโทษยืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้ได้มีการสอบสวนความผิดที่จำเลยได้กระทำนั้นแล้ว แม้เดิมจะตั้งข้อหาฐานหนึ่ง แต่เมื่อสอบสวน แล้ว ปรากฎว่าเป็นความผิดฐานอื่นด้วย ก็เรียกได้ว่า มีการสอบสวนในความผิดฐานอื่นนั้นด้วยแล้ว ดังตัวอย่างฎีกาที่ ๕๐๘/๒๔๙๓
จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๑๖ ด้วยอีกฐานหนึ่ง ส่วนกำหนดโทษ คงให้เป็นไปตามเดิม.

Share