คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5440/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำร้องฉบับลงวันที่23ธันวาคม2537ของจำเลยทั้งสองมิใช่เป็นเรื่องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา205วรรคสองเพราะมิได้มีการพิจารณาคดีโดยขาดนัดและการที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่โดยอ้างว่าเสมียนทนายจดวันนัดผิดนั้นหากเป็นจริงก็เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองขาดการเอาใจใส่การพิจารณาคดีของศาลไม่ใช่เหตุที่ยกขึ้นมาอ้างเพื่อขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนใหม่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องจึงชอบแล้ว คำร้องฉบับลงวันที่30ธันวาคม2537ของจำเลยทั้งสองมีข้อความทำนองเดียวกับคำร้องฉบับลงวันที่23ธันวาคม2537โดยมิได้ดำเนินการสาบานตัวให้คำชี้แจงว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลตามที่บัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา156วรรคหนึ่งจึงมิใช่คำร้องขอดำเนินคดีอนาถาใหม่ทั้งกรณีของจำเลยทั้งสองเป็นเรื่องขอดำเนินคดีอนาถาในชั้นอุทธรณ์เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยมิได้มีการสืบพยานแม้แต่ปากเดียวกรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา156วรรคสี่จำเลยทั้งสองจะยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่หาได้ไม่ต้องอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา156วรรคห้าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องจึงชอบแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่23ธันวาคม2537วันนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่าหากจำเลยทั้งสองประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายใน7วันเมื่อจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองอุทธรณ์โดยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 11 พฤศจิกายน 2537 ถึงวันนัดทนายจำเลยทั้งสองมอบอำนาจให้เสมียนทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องอ้างเหตุทนายจำเลยทั้งสองป่วย ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนนัดไต่สวนคำร้องไปเป็นวันที่ 23 ธันวาคม 2537 เวลา 9 นาฬิกาจำเลยทั้งสองไม่มาศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองไม่ติดใจดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา หากจำเลยทั้งสองประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายใน 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องลงวันที่ 23 ธันวาคม 2537 เวลา14.21 นาฬิกา ว่าจำเลยทั้งสองไม่มาศาลตามกำหนดนัดเนื่องจากเสมียนทนายจำเลยทั้งสองจดวันนัด (ที่ถูกเวลานัด) ผิดพลาดเป็นเวลา13.30 นาฬิกา จึงขอให้ไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองอ้างว่าเสมียนทนายจำเลยทั้งสองที่มาขอเลื่อนคดีจดวันนัด(ที่ถูกเวลานัด) ผิดพลาดไปนั้น เป็นเหตุอันไม่สมควร จึงไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง ต่อมาวันที่ 30 ธันวาคม 2537 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาอีกโดยให้นัดไต่สวนคำร้องใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 มกราคม2538 ว่า เสนอวันนี้ กรณีไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมไม่อนุญาต ให้ยกคำร้องพร้อมทั้งสั่งในอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองในวันเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายในกำหนดเวลาที่ศาลสั่งจึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องฉบับลงวันที่ 23 ธันวาคม 2537 ซึ่งจำเลยทั้งสองขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ชอบนั้นเห็นว่า คำร้องฉบับดังกล่าวของจำเลยทั้งสอง มิใช่เป็นเรื่องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง ดังที่จำเลยทั้งสองอ้างเพราะมิได้มีการพิจารณาคดีโดยขาดนัด และการที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ โดยอ้างว่าเสมือนทนายจำเลยทั้งสองจดวันนัดผิดนั้น หากเป็นจริงก็เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองขาดการเอาใจใส่การพิจารณาคดีของศาล ไม่ใช่เหตุที่ยกขึ้นมาอ้างเพื่อขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนใหม่ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จึงชอบแล้วฎีกาจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ข้อที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องลงวันที่30 ธันวาคม 2537 ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ ซึ่งจำเลย ทั้งสองมีสิทธิยื่นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องจึงไม่ชอบนั้น เห็นว่า คำร้องฉบับดังกล่าวของจำเลยทั้งสองมีข้อความในทำนองเดียวกับคำร้องฉบับลงวันที่ 23 ธันวาคม 2537 โดยมิได้ดำเนินการสาบานตัวให้คำชี้แจงว่าตนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาล ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 156 วรรคหนึ่ง จึงมิใช่คำร้องขอดำเนินคดีอนาถาใหม่ ทั้งกรณีของจำเลยทั้งสองเป็นเรื่องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสองโดยมิได้มีการสืบพยานจำเลยทั้งสองเลยแม้แต่ปากเดียว กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ จำเลยทั้งสองจะยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่หาได้ไม่จำเลยทั้งสองต้องอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 156 วรรคห้า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องจึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2538 ว่า จำเลยทั้งสองไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนดจึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบเพราะกระบวนพิจารณาเรื่องอนาถายังไม่ถึงที่สุด ขอให้รอการสั่งไว้ก่อนนั้น เห็นว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 23 ธันวาคม2537 ซึ่งเป็นวันนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่าหากจำเลยทั้งสองประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายใน 7 วัน นับแต่วันนี้เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง จึงชอบแล้วฎีกาจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน”
พิพากษายืน

Share